หวาฟัต (Hoa Phat) ผู้ผลิตเหล็กของเวียดนาม ตั้งเป้ายอดขายเหล็กก่อสร้างสูงขึ้นในปี 2563 โดยมีแผนที่จะให้มียอดขายถึง 3.5-3.6 ล้านตันในปีนี้ หรือคิดเป็นประมาณ 26% ซึ่งมากกว่ายอดขาย 2.8 ล้านตันในปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของผู้ผลิตเหล็กรายนี้
แผนภายในปี 2020 บริษัทได้ตั้งเป้าที่จะจำหน่ายเหล็ก 1 ล้านตัน ในพื้นที่ทางใต้ของประเทศ และมุ่งเน้นในการให้มีการขยายไปในพื้นที่ต่างๆ และมีส่วนแบ่งการตลาดในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ของประเทศ
เพื่อให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ หวาฟัตสุงกว๊าต คอมเพล็กซ์ (Hoa Phat Dung Quat Steel Complex) ในจังหวัดกว่างหงาย (Quang Ngai) ซึ่งอุปกรณ์หลักมากกว่า 80% ได้ก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเปิดดำเนินการของเตาถลุงเหล็ก 2 เตาเพิ่ม ซึ่งแต่ละเตามีกำลังการผลิต 1.2 ตัน ต่อปี และเปิดดำเนินการโรงเหล็กรีดร้อนชนิดม้วน ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้
ก่อนหน้านี้ บริษัทมีโรงเหล็กตั้งอยู่ในทางเหนือเพียงแห่งเดียว การส่งผลิตภัณฑ์เหล็กจากโรงงานหายเซือง (Hai Duong) ไปยังทางใต้ จะใช้เวลามากกว่า 7 วัน อย่างไรก็ตาม โรงงานใหม่ในจังหวัดกว่างหงายช่วยให้ระยะเวลาการส่งสินค้าลดลงอยู่ที่ 3 วัน
หลังจากใช้เวลาเกือบ 3 ปี เฟสที่ 1 ของ หวาฟัตสุงกว๊าต คอมเพล็กซ์ ได้มีการเตรียมการเดินเตาถลุงขนาด 1,080 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีกำลังการผลิตโลหะร้อน 1.2 ล้านตันต่อปี ในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 และไตรมาสที่ 4 ปี 2562 ตามลำดับ ส่งผลให้กำลังการผลิตเหล็กทรงยาวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า อยู่ที่ 4.35 ล้านตันต่อปี
เมื่อเตาถลุงทั้ง 4 เตาพร้อมผลิต หวาฟัตสตีลจะมีกำลังการผลิตเหล็กเส้นและเหล็กลวด (wire rod and rebar) รวม 2.4 ล้านตันต่อปี และกำลังการผลิตเหล็กรีดร้อน (HRC) 2.4 ล้านตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตเหล็กต่างๆในเวียดนามได้มีความกังวลเกี่ยวกับกำลังการผลิตที่มากเกินไปภายในประเทศ เนื่องจากการถลุงเหล็กนั้นมีมากกว่าการหลอมเหล็กตั้งแต่ปี 2561
พร้อมๆกับการสร้างโรงงานผลิตเหล็กดังกล่าว ผู้ผลิตเหล็กยังได้ดำเนินการสร้างท่าเรือหวาฟัตสุงกว๊าต ซึ่งจะสามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 200,000 เดดเวทตันได้
ความต้องการเหล็กในเวียดนามคาดว่าจะอยู่ในภาคการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะเติบโตประมาณร้อยละ 8-9 ต่อปี ในระหว่างปี 2562-2566 ข้อมูลจากSEAISI
Posco Research Institute ได้คาดการณ์ความต้องการเหล็กในเวียดนามคาดว่าในปี 2563 จะอยู่ที่ 25.4 ล้านตัน จากในปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 21.6 ล้านตัน เนื่องจากการผลักดันโครงการก่อสร้างของรัฐบาล
-- Clement Choo, Samuel Chin