ไม่เสียหน้า ‘จีน’ บินตรงเซ็นเอฟทีเอกัมพูชา ก่อนแวะเยือนไทย

13 ตุลาคม 2563
ไม่เสียหน้า ‘จีน’ บินตรงเซ็นเอฟทีเอกัมพูชา ก่อนแวะเยือนไทย

หวังอี้แวะเยือนไทย หลังบินไปลงนาม FTA จีน-กัมพูชา 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ‘พาณิชย์’ มั่นใจไทยยังใช้ประโยชน์จากเอฟทีเออาเซียน-จีนได้ ไม่น้อยหน้า

วันที่ 13 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม 2563 นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกระชับหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีนท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายในภูมิภาคและโลก รวมถึงสถานการณ์โรคโควิด-19

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้ไม่ได้เน้นกรอบการค้า เพราะที่ผ่านมาไทยและจีนทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-จีน และเอฟทีเออาเซียน-จีนอยู่แล้ว

“กรณีที่จีนทำเอฟทีเอกับกัมพูชาไม่น่าห่วง เพราะไทยเองก็มีเอฟทีเอกับจีนใรกรอบ อาเซียน-จีนซึ่งมีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงมาก โดยไทย-จีน ได้เคยตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าในปี 2564 จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 140,000 ล้านเหรียญสรัฐ จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 79,440 ล้านเหรียญสหรัฐ”

รายงานงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ นายหวังอี้ ได้เดินทาง ไปเยือนกัมพูชา เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลง FTA จีน-กัมพูชา เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าหมายให้มีผลใช้บังคับภายในปี 2564 จะเป็น FTA ฉบับแรกที่กัมพูชาทำกับประเทศคู่ค้าในรูปแบบทวิภาคี เพื่อขยายการค้าสินค้า บริการ และการลงทุน ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน

ซึ่งสาเหตุอาจจะเป็นการแก้เกมส์การค้าที่กัมพูชาต้องการลดผลกระทบจากที่สหภาพยุโรปเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้า (Everything But Arms: EBA) จากปัญหาสิทธิมนุษยชนและแรงงาน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา

โดยจีน-กัมพูชาตกลงจะลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากรที่เก็บกับสินค้านำเข้าระหว่างกัน เพิ่มเติมจากที่ลดให้กันแล้วใน FTA อาเซียน-จีน ซึ่งจะครอบคลุมสินค้าจากจีนที่ส่งออกไปกัมพูชา กว่า 9,500 รายการ และสินค้าจากกัมพูชาที่ส่งออกไปจีนกว่า 10,000 รายการ

โดยใน FTA ฉบับใหม่ จีนจะลดเลิกภาษีศุลกากรเพิ่มเติมให้กับสินค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของกัมพูชากว่า 340 รายการ ซึ่งร้อยละ 95 ของสินค้าเกษตรเหล่านี้ จะได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรจากจีนทันที อาทิ พริกไทย พริกแห้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กระเทียม น้ำผึ้ง ผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง และผลิตภัณฑ์อาหารทะเล เช่น หอยแมลงภู่ ปู ปลา และผัก ผลไม้ และที่เหลืออีกร้อยละ 5 จะได้รับการยกเว้นภายในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรของกัมพูชาไปจีน

โดยในปี 2562 การค้าระหว่างกัมพูชา-จีน มีมูลค่า 9,420 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.3 จากมูลค่า 7,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2561

สำหรับ ผู้ประกอบการไทยบางรายอาจมองความตกลง FTA กัมพูชา-จีน เป็นความท้าทาย เพราะสินค้าที่กัมพูชาส่งออกและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากจีน อาจเป็นสินค้าประเภทเดียวกันกับที่ไทยส่งออก เพราะสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชาส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องแต่งกาย รองเท้าเครื่องหนัง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเอกชนไทยที่เข่าไปลงทุน ดังนั้น น่าจะเป็นโอกาสที่ไทยจะเร่งพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานของสินค้าส่งออก

อ่านต่อได้ที่ : https://bit.ly/31c4zgZ


แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.