เวียดนามมีแนวโน้มว่าความต้องการเหล็กในประเทศจะลดลงเหลือ 21.71 ล้านตัน ในปี 2563 ซึ่งลดลง 10.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน สมาคมเหล็กเวียดนาม (Vietnam Steel Association) กล่าว เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เนื่องจากการชะลอตัวในภาคการผลิตและการก่อสร้าง

การผลิตเพิ่มขึ้น 4.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด ในเวลาเดียวกันของในช่วงปี 2554-2563 ข้อมูลจากสำนักงานสถิติทั่วไปของเวียดนาม

ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างในช่วง 9 เดือนแรกขยายตัว 3.08% ซึ่งเป็นอัตราที่โตช้าที่สุดเมื่อเทียบกับปี 2554-2563 ในช่วงเดียวกัน และคิดเป็น 58.35% ของ GDP ข้อมูลจาก GSO

แนวโน้มของอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นบวกน้อยลง เนื่องจากภาคโครงสร้างพื้นฐานเติบโตค่อนข้างช้าและการชะลอตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในระยะสั้น Dinh Quoc Thai รองประธานของ Vietnam Steel Corporation กล่าว

การเติบโตของการผลิตและบริโภคเหล็กก่อสร้างในปี 2563 มีแนวโน้มที่จะลดลง ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่แย่ลงของเวียดนาม Dinh กล่าว โดย GDP ของเวียดนาม ในช่วงเดือน ม.ค.– ก.ย. เติบโต 2.12% ซึ่งเพิ่มขึ้นช้าที่สุดในช่วงปี 2554-2563

แม้จะมีข้อบ่งชี้อย่างไม่เป้นทางการ โดยสมาคมยังย้ำว่าการผลิตเหล็กต่อปีจะแตะ 18.34 ล้านตันในปี 2563 เพิ่มขึ้น 5.0% เพิ่มขึ้นจากปี 2562

เนื่องจากความต้องการที่ลดลง ทำให้การนำเข้าเหล็กคาดว่าจะลดลง 10.3% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยมีปริมาณอยู่ที่ 13.94 ล้านตัน ซึ่งชดเชยด้วยการส่งออกมากกว่าเดิมสองเท่าเป็น 6.72 ล้านตัน

ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผู้ผลิตเหล็กบางรายในประเทศหวังว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งเวียดนามจะนำไปสู่โครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้นและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยที่สูงขึ้น

อาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อให้การลดอัตราดอกเบี้ยลงส่งผลให้มีการเริ่มโครงการก่อสร้าง แต่ถือเป็นเรื่องดีที่จะรอคอย ผู้ผลิตเหล็กล่าวว่า ตอนนี้การกู้เงินจากธนาคารถูกกว่าในเดือนตุลาคมเล็กน้อย

-- Clement Choo, Samuel Chin