อุตสาหกรรมเหล็กของไทยกว่าจะมาถึงวันนี้ผ่านวิบากกรรมมาหลายรูปแบบ เผชิญปัจจัยบวก-ลบสลับกันเป็นช่วง ๆ แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางปัจจัยลบมากกว่า โดยเฉพาะการรับมือกับการแข่งขันทางการค้า การพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบต้นน้ำ และการต่อสู้กับคู่แข่งขันที่เป็นมวยคนละรุ่น
นายพงศ์เทพ เทพบางจาก รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (ส.อ.ท.) ฉายภาพใหญ่ผ่าน “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กในปัจจุบัน รวมถึงนโยบายอุตสาหกรรมเหล็กของจีนที่ต้องจับตาและการปรับตัวของอุตสาหกรรมเหล็กหลังโลกเผชิญพิษโควิด-19
นายพงศ์เทพ สะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กไทยว่า ในช่วง 3 ปีมานี้ ในเชิงโครงสร้างการผลิตเหล็กภายในประเทศ และการนำเข้าจากต่างประเทศ คงพูดได้ว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก โดยจะเห็นว่าไทยยังคงมีโครงสร้างการบริโภคเหล็ก โดยพึ่งพิงการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของปริมาณความต้องการบริโภคทั้งหมด ที่เหลือผลิตในประเทศร้อยละ 40 (กราฟิกประกอบ)
ขณะที่หากมองลึกลงไปในบางผลิตภัณฑ์ เช่น เหล็กทรงแบน (เหล็กแผ่นรีดร้อน, เหล็กแผ่นรีดเย็น, เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ฯลฯ) มีสัดส่วนการนำเข้าเกินกว่าร้อยละ 70 ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบนี้ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการใช้มาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้าทั้ง safeguard และ anti-dumping แต่ผลลัพธ์ของสัดส่วนการนำเข้าที่ออกมาเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่ค่อยมีผลต่อการนำเข้าเท่าใดนัก
ในกลุ่มเหล็กทรงยาว (เหล็กเส้น, เหล็กข้ออ้อย ฯลฯ) แม้สัดส่วนการนำเข้ามีเพียงร้อยละ 35 ดีกว่าเหล็กทรงแบนก็จริง แต่ก็เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้วเช่นกัน โดยกลุ่มทรงยาวมีการแข่งขันสูงเพราะมีกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในประเทศเกินกว่าความต้องการเป็นเท่าตัว นับจากที่มีการย้ายโรงงานผลิตเหล็กที่ใช้เตาอินดักชั่นจากจีนมาตั้งในไทย
อ่านต่อได้ที่ : https://bit.ly/2YkuxjR