การส่งออกเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าของญี่ปุ่นในเดือนมกราคม-มีนาคมลดลง 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ 8.11 ล้านตัน จากตัวเลขล่าสุดของ Japan Iron and Steel Federation ที่เปิดเผยวันที่ 28 เมษายน การลดลงเป็นผลมาจากการส่งออกที่ไปยังจุดหมายปลายทางหลักที่ลดลง เช่น จีน ไต้หวัน และไทย การส่งออกไปจีนลดลง 7.7% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1.14 ล้านตัน ในขณะที่การส่งออกไปไต้หวันลดลง 22.1% มาอยู่ที่ 444,083 ตัน ในทำนองเดียวกัน การส่งออกไปประเทศไทยลดลง 18.7% มาอยู่ที่ 1.20 ล้านตัน
การส่งออกไปจีนลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของกิจกรรมการผลิตของจีนในเดือนมีนาคม แสดงให้เห็นจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของ Caixin ที่หดตัวสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน โดยที่ในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 48.1 จากการขยายตัวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ 50.4
อุตสาหกรรมในไต้หวันชะลอตัวลงเหลือ 54.1 ในเดือนมีนาคม จาก 54.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นค่าที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่การผลิตในไทยชะลอตัวลง โดยตัวเลข PMI ในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 51.8 จาก 52.5 ในเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 39.2% อยู่ที่ 1.42 ล้านตัน และการส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9.7% อยู่ที่ 287,788 ตัน
แม้ว่าโดยรวมจะลดลง การส่งออกเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดกว้าง (hot-rolled wide strips) เพิ่มขึ้น 0.8% มาอยู่ที่ 2.69 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นการส่งออกจำนวนมากในเดือนมกราคม-มีนาคม อย่างไรก็ตาม เหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดกว้าง (cold-rolled wide strips) ลดลง 9.2% อยู่ที่ 469,466 ตัน โดยเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี (galvanized sheets) ลดลง 19.6% อยู่ที่ 509,622 ตัน
ยอดรวมในเดือนมกราคม-มีนาคม หลังจากได้สรุปการส่งออกในเดือนมีนาคม ซึ่ง ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 3.14 ล้านตัน ซึ่งนำโดยปริมาณที่ส่งออกลดลงไปยังจีน ไต้หวัน และไทย
เช่นเดียวกับตัวเลขการส่งออกในไตรมาสที่ 1 โดยในเดือนมีนาคมการส่งออกยังลดลงในกลุ่มเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดกว้างและแผ่นสังกะสีโดย ลดลง 7.8% และ 15.4% มาอยู่ที่ 181,663 ตัน และ 192,473 ตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดกว้าง ส่งออกเพิ่มขึ้น 11.4% เป็น 1.08 ตัน เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2021
การส่งออกที่ลดลงคาดว่าจะดำเนินต่อไปในไตรมาสที่ 2 โดย Japan's Ministry of Economy, Trade and Industry คาดการณ์ว่าการส่งออกจะแตะระดับ 6.9 ล้านตัน ลดลง 0.4% จากปีก่อนหน้า
กระทรวงเตือนว่าความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ผลิตรถยนต์ อาจลดลงอีก เนื่องจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ และผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน
