นับถอยหลังอีก 8 เดือน ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ CBAM ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2566 โดยจะนำร่องในสินค้าส่งออก 5 กลุ่ม คือ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย และไฟฟ้า
ในงานสัมมนา คณะกรรมการยุโรป “ทางรอดธุรกิจไทย ปรับตัวอย่างไรในวิกฤตโลกปัจจุบัน” ซึ่งทางหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มีการหยิบยกถึงแนวทางการเตรียม CBAM มาหารือกันในวงกว้าง
โดย นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ปัจจุบันร่างกฎหมาย CBAM อยู่ในกระบวนการนิติบัญญัติของคณะกรรมาธิการยุโรป คาดว่าในกลางปี 2565 นี้จะมีการลงมติของร่างกฎหมายดังกล่าวนี้ ซึ่งกฎหมายนี้มีเป้าหมายจะให้บังคับใช้ได้ในวันที่ 1 มกราคม 2566
ดังนั้นในระหว่างนี้ ซึ่งมีเวลาอยู่ประมาณ 6-7 เดือน ก่อนที่กฎหมายจะมีการบังคับใช้ ผู้ประกอบการไทยหรือผู้ส่งออกจำเป็นจะต้องศึกษาร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการส่งออกสินค้าเข้าตลาดยุโรป ซึ่งทางกรมศึกษามุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว เช่น การคำนวณการปล่อยก๊าซ วิธีการรักษาสิ่งแวดล้อม แนวทางการปฏิบัติ การเก็บภาษี เป็นต้น
ล่าสุดไทย โดย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้แสดงความคิดเห็นในร่างกฎหมายดังกล่าวว่า เนื้อหากฎหมายอาจขัด WTO ข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวข้อง และเป็นอุปสรรคต่อการค้า เพราะมีการจำเพาะเจาะจงรายสินค้า ซึ่งจากการติดตามก็มีหลายประเทศไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายนี้ เช่น จีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย อินเดีย ออสเตรเลีย
แต่ก็มีบางประเทศ เช่น สหรัฐ ที่อยู่ระหว่างร่างกฎหมายในลักษณะเดียวกัน โดยจะกำหนดค่าธรรมเนียมคาร์บอนข้ามพรมแดน แต่จะยกเว้นให้กับประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด ประเทศที่มีการเก็บภาษีคาร์บอน แต่ยังเป็นเพียงการเสนอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้ออกมาเป็นกฎหมาย ส่วนแคนาดาก็อยู่ระหว่างของการออกแบบมาตรการเช่นกัน
อ่านต่อได้ที่ : https://www.prachachat.net/economy/news-917776