“จุรินทร์ ชู "โอกาสไทยในเวทีการค้า" ดัน Green Economy Soft Power-Carbon Market-BCG Model นำไทยปรับตัวสนองเทรนด์โลก ชี้ภาคการส่งออกยังเป็นพระเอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เชื่อถ้าไทยจับมือไปด้วยกันในทิศทางที่ถูกต้องจะสามารถปรับวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในงานปาฐกถา "ภาวะโลกร้อน" วาระเร่งด่วนของโลกที่การค้ายุคใหม่ต้องให้ความสำคัญ งานสัมมนา “ZERO CARBON” การค้าสู่ความยั่งยืนในเวทีโลก จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่าขณะนี้ ประเทศไทยและหลายประเทศทั้วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายอย่างยิ่งทั้งโควิด เศรษฐกิจ สงครามการค้าและมีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นวิอกฤตซ้ำซ้อนไปทั่วโลก
ทำให้การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย IMF ที่คาดการณ์ว่าในปี2565 ที่จะขยายตัวจาก +4.4% มีการประเมินใหม่เหลือ +3.6% การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรืออังค์ถัด ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกเหลือ +2.6% สาเหตุหลักๆมาจาก
1.วิกฤติจะกระทบกับห่วงโซ่การผลิตชะงัก วัตถุดิบขาดแคลน
2.ราคาพลังงานผันผวน
3.ตลาดแรงงานที่จะมีการเคลื่อยย้ายลำบากขึ้น
4.ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก สำหรับไทยถือว่าภาวะเงินเฟ้อน้อยกว่าหลายประเทศ
5.ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
“สำหรับประเทศไทย IMF คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังเป็นบวก 3.3% ส่วนกระทรวงการคลังมองว่าเศรษฐกิจไทยจะโตที่ 3.5% โดยพระเอกของการขับเคลื่อนยังคงเป็นภาคการส่งออก ซึ่งในปี 64 แม้ว่าไทยจะเผชิญกับวิกฤตต่างๆ ทั้งปีไทยส่งออกเป็นนบวกถึง 17.1% ซึ่งเกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 4% สูงที่สุดในรอบ 11 ปี ทำเงินเข้าประเทศ 8.5 ล้านล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าบวก 4% ซึ่ง 3 เดือนแรกปี 65 เกินเป้าแล้วบวก 15% นำเงินเข้าประเทศ 2.4 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าที่ 9 ล้านล้านบาท มีนาคม 65 +20% เงินเข้าประเทศเดือนเดียว 9.2 แสนล้านบาทสูงที่สุดในรอบ 30 ปีและเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”
อ่านต่อได้ที่ : https://www.thansettakij.com/economy/524505