MILL โชว์งบ Q1/65 กำไรพุ่งเท่าตัวรับราคาเหล็กสูง-Circular Economy หนุน

13 พฤษภาคม 2565
MILL โชว์งบ Q1/65 กำไรพุ่งเท่าตัวรับราคาเหล็กสูง-Circular Economy หนุน

          นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) ชี้แจงผลประกอบการไตรมาส 1/65 ที่มีกำไรสุทธิ 110.42 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.024 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.5 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.012 บาท

          โดยผลประกอบการไตรมาส 1/65 ของกลุ่ม MILL กำไรเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งหัวใจสำคัญนอกเหนือจากอานิสงส์ราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นผลมาจากการบริหารจัดการภายในองค์กร โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มตามแผนยุทธศาสตร์หลักให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทไปสู่เป้าหมายใหญ่คือการเป็น Green Steel

          เนื่องจาก MILL เป็นผู้ผลิตเหล็กทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการรีไซเคิลอย่างครบวงจร ตลอดจนการกำจัดของเสียอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยของเสียจากขั้นตอนการบดย่อยเศษเหล็กจะถูกนำมาคัดแยกไปใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า มีการใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งตระกันจากการหลอมเหล็กสามารถนำมาผสมคอนกรีตในการทำถนนตามหลัก Zero Waste

          ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กในช่วงไตรมาส 1/65 นายประวิทย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้เกิดความผันผวนของราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

          จากข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 ประเทศไทยมีปริมาณการบริโภคเหล็กสำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 4.04 ล้านตัน ลดลง 17.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นการบริโภคเหล็กทรงยาวอยู่ที่ 1.57 ล้านตัน ลดลง 19.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และการบริโภคเหล็กทรงแบนอยู่ที่ 2.47 ล้านตัน ลดลง 16.6 %เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า

          สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/65 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี EBITDA อยู่ที่ 241 ล้านบาท ขณะรายได้รวมอยู่ที่ 5,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% โดยมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 5,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% ส่วนใหญ่มาจากปริมาณการขายเหล็กเส้นและเหล็กแท่งทรงยาวที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น บริษัทจึงมีโอกาสในการทำกำไรจากการขายเหล็กแท่งทรงยาวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเหล็กเส้นของกลุ่ม MILL

อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/iq05/3322254


แหล่งที่มา : RYT9

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.