ทางรอดค่าไฟแพง แนะภาคอุตฯ ใช้พลังงานทดแทนลดต้นทุนการผลิต

18 มกราคม 2566
ทางรอดค่าไฟแพง แนะภาคอุตฯ ใช้พลังงานทดแทนลดต้นทุนการผลิต

          นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์ทิศทางราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้น และเป็นการเร่งอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยลดลง โดยคาดว่าสถานการณ์ราคาพลังงาน จะมีผลกระทบในระยะยาว

          "สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ทำการศึกษาผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม พบว่า การขึ้นค่าไฟฟ้าที่อัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.88%" นายสุริยะ กล่าว

          ด้านนางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า สศอ. ได้ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าต่อภาคอุตสาหกรรม โดยใช้ข้อมูลจากตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิต ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยจากการศึกษาพบว่า การขึ้นค่าไฟฟ้าที่อัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า เพิ่มขึ้น 12.41% ต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมซีเมนต์ เพิ่มขึ้น 9.47% ต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพิ่มขึ้น 8.96% ต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่มขึ้น 8.14% ต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย เพิ่มขึ้น 7.98% และต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมเซรามิค เพิ่มขึ้น 6.49%

          อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าไฟฟ้าเพิ่มเติม โดยใช้ข้อมูลดัชนีการส่งสินค้ารายเดือน (Shipment Index) ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 พบว่า อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมสิ่งทอ มีอัตราการขยายตัวของดัชนีการส่งสินค้าในแต่ละเดือนค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ดังนั้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำเป็นต้องปรับตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นๆ

          สำหรับแนวทางการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าไฟฟ้า ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหาแหล่งพลังงานทดแทนการนำเข้าพลังงาน ได้แก่ การพึ่งพาพลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานไฮโดรเจน เป็นต้น

          ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องใช้พลังงานในสถานประกอบการอย่างประหยัด และบริหารการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในสถานประกอบการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวางแผนการใช้งานพื้นที่ให้เหมาะสมกับการจัดเก็บ เช่น การใช้แสงจากธรรมชาติ การใช้ไฟ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบเซนเซอร์ ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ และสร้างพื้นที่จัดเก็บไว้เหนือสำนักงาน เพื่อใช้พื้นที่ทุกจุดอย่างคุ้มค่า

อ่านต่อได้ที่ : RYT9


แหล่งที่มา : RYT9

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.