Eurofer คาดว่าอุปสงค์เหล็กของสหภาพยุโรปจะลดลง 4.6% ในปี 2022 และ 1.6% ในปี 2023

03 กุมภาพันธ์ 2566
Eurofer คาดว่าอุปสงค์เหล็กของสหภาพยุโรปจะลดลง 4.6% ในปี 2022 และ 1.6% ในปี 2023

          สมาคมเหล็กแห่งยุโรป (European Steel Association) หรือ Eurofer กล่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. คาดว่าตัวเลขการบริโภคเหล็กในปี 2022 จะลดลงอย่างมาก หลังจากข้อมูลจากไตรมาสที่สามที่ยืนยัน และทำให้เห็นแนวโน้มเชิงลบที่เห็นในไตรมาสที่ 2 ที่เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น โดยการบริโภคมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในปี 2023 แม้ว่าการลดลงชะลอตัวลงก็ตาม

          ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดเหล็กฉบับล่าสุด Eurofer กล่าวว่า ขณะนี้คาดว่าปริมาณการใช้เหล็กในปี 2022 จะลดลง 4.6% เทียบกับที่ลดลง 3.5% ที่คาดไว้สำหรับแนวโน้มของปีนี้ก่อนหน้านี้

          สำหรับปี 2023 การบริโภคคาดว่าจะลดลงอีก 1.6% น้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้เล็กน้อยที่คาดว่าจะลดลง 1.9% สำหรับปีนี้

          แม้ว่าเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปจะมีความผ่อนคลายมากขึ้น ปริมาณการใช้เหล็กในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2020 โดยลดลง 11.2% อยู่ที่ 32.2 ล้านตัน หลังจากลดลง 4.7% ในไตรมาสที่ 2

          ปัจจัยด้านลบทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครึ่งแรกของปี 2023 และยังคงมีอยู่ โดยคาดว่าจะลดลงอีกในไตรมาสที่ 4 ปี 2022 และจนถึงครึ่งแรกของปี 2023 เป็นอย่างน้อย ส่งผลให้ปี 2023 เป็นปีที่ท 4 ที่ความต้องการใช้เหล็กถดถอยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

          ความต้องการเหล็กคาดว่าจะฟื้นตัว 1.6% ในปี 2024 แม้ว่าความไม่แน่นอนยังคงอยู่ และการฟื้นตัวจะยังคงเป็นไปตามเงื่อนไขของวิวัฒนาการของราคาพลังงาน โดยสงครามรัสเซีย-ยูเครน และผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก Eurofer กล่าว

          สมาคมกล่าวว่าการส่งมอบในประเทศลดลง 10.5% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ร่วงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3  เช่นเดียวกับการนำเข้า ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป (semi-finished products) ซึ่งลดลง 17.2% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021

          “เรากำลังเห็นสิ่งที่เราได้รับการเตือนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา: วิกฤตพลังงาน เงินเฟ้อ ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ต้นทุนการลดคาร์บอน รวมกับการนำเข้าราคาถูกจำนวนมหาศาลจากประเทศที่สาม เป็นพิษสำหรับอุตสาหกรรม” Axel Eggert ผู้อำนวยการทั่วไปของ Eurofer กล่าวในแถลงการณ์

          “สุขภาพของภาคอุตสาหกรรมเหล็กกล้า คือบททดสอบสำหรับอุตสาหกรรมในสหภาพยุโรปทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากห่วงโซ่มูลค่าจำนวนมากที่มีเหล็กเป็นแกนหลัก” เขากล่าวเสริม ซึ่งเขากล่าวว่าควร “ส่งสัญญาณเตือนสำหรับแนวโน้มการพัฒนาของเศรษฐกิจชิงเทคโนโลยีสะอาดของยุโรป ”

          Eggert อธิบายว่ารากฐานของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน จะต้องวางแนวทางและเพิ่มความต้องการใช้เหล็กคาร์บอนต่ำของสหภาพยุโรป จึงจะประสบความสำเร็จ


แหล่งที่มา : S&P Global Commodity Insights.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.