ออมสิน Go Green ประกาศงดปล่อยกู้ธุรกิจถ่านหิน-งดลงทุน Oil&Gas ตั้งกฎเหล็กวัด ESG Score

05 กันยายน 2566
ออมสิน Go Green ประกาศงดปล่อยกู้ธุรกิจถ่านหิน-งดลงทุน Oil&Gas ตั้งกฎเหล็กวัด ESG Score

          คณะกรรมการธนาคารออมสิน อนุมัติแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions Roadmap) ทั้ง 3 Scope ภายในปี 2050 โดยในอีก 7 ปีข้างหน้าตั้งเป้า Net Zero สำหรับ Scope 1 และ 2 ซึ่งเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธนาคารจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ขณะที่ Scope 3 ที่เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าและการลงทุน ธนาคารจะดำเนินการคู่ขนานจนสามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในภาพรวมลงได้มากกว่า 50% ภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

          นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจของธนาคารออมสินกว่า 97% มาจากการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าและการลงทุน (Scope 3) ซึ่งมีการจัดเก็บและคำนวณได้จากวิธีการตามมาตรฐาน Science-Based Target Initiative ที่เป็นสากล

          นับจากนี้ไป ธนาคารได้กำหนดแผนงดการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจเชื้อเพลิงถ่านหินและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (No Coal and Coal Related Business) และเริ่มการใช้ ESG Score ในการประเมินคุณสมบัติด้าน ESG ของลูกค้าวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งผลคะแนน ESG Score จะถูกนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยธนาคารพร้อมมอบส่วนลดดอกเบี้ย และ/หรือ อนุมัติเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้เป็นพิเศษ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          ธนาคารออมสิน นับเป็นผู้ริเริ่มนำเอา ESG Score มาใช้ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อเงื่อนไขพิเศษเป็นธนาคารแรกของประเทศ โดยธนาคารได้จัดกลุ่มธุรกิจที่จะสนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  1. Exclusion List หรือ ธุรกิจที่ไม่สนับสนุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง โดยจะไม่ให้สินเชื่อและไม่ลงทุนเพิ่มในธุรกิจถ่านหินและธูรกิจที่เกี่ยวข้องกับถ่านหิน
  2. Negative List หรือ ธุรกิจที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่มีคะแนน ESG Score ในระดับต่ำมาก หรือต่ำกว่า 2 คะแนน โดยธนาคารจะเข้าทำ Positive Engagement กับลูกค้าเพื่อช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาในการปรับปรุงดำเนินงานด้านความยั่งยืน รวมทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งระบบ
  3. Positive List หรือ ธุรกิจที่ให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ ผ่านการกำหนดสิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ส่งเสริม BCG, Green Building, ธุรกิจ EV และ Supply Chain, Clean tech หรือเทคโนโลยีดูดซับ/กักเก็บคำร์บอน, Renewable Energy, บริษัทที่กำหนด Net Zero 2050 หรือกิจการบริษัทที่มีคะแนน ESG Score ในระดับสูง เป็นต้น โดยสิทธิประโยชน์ที่จะให้ เช่น ลดดอกเบี้ย ให้สินเชื่อในกรอบวงเงินสูงกว่าลูกค้าทั่วไป

          นายวิทัย กล่าวว่า เป้าหมายแรกคือภายในปี 2030

          ธนาคารไม่มีสินเชื่อคงค้างและพอร์ตการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลงเหลืออยู่ จากปัจจุบันที่ปล่อยกู้ธุรกิจถ่านหินรายใหญ่อยู่ 1 ราย

          โครงการโรงไฟฟ้าจะปรับพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มนี้ 35% ต้องเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด

          40% ของสินเชื่อบริษัทจดทะเบียนจะต้องกำหนดเป้าหมาย Net Zero 2050 และผลักดันให้ส่วนที่เหลือกำหนดเป้าหมาย Net Zero 2050 (ทั้งสินเชื่อและการลงทุน)

          ไม่ลงทุนเพิ่มในบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจ Oil & Gas ทั้งการลงทุนในหุ้นและหุ้นกู้

          นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ และโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดโดยติดตั้ง Solar Rooftop ภายในสำนักงานใหญ่และสาขากว่า 900 แห่งภายในปี 2025 การเปลี่ยนใช้รถยนต์ไฟฟ้าในธุรกิจธนาคาร รวมถึงการปลูกป่าทดแทนป่าเสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ป่า เป้าหมายแรก 50,000 ไร่ภายในปี 2033 เพื่อเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่สาคัญ และช่วยพัฒนาชุมชน สร้างอาชีพ เสริมรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบ เป็นต้น

          ขณะที่เป้าหมายต่อจากนั้นภายในปี 2040 จะต้องไม่มีการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนกลุ่ม Oil & Gas เหลืออยู่ในพอร์ต ไม่ให้สินเชื่อเพิ่มในกลุ่มนี้ รวมถึงไม่ให้สินเชื่อเพิ่มในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ หรือ ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และไม่ให้สินเชื่อเพิ่มในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้รับรอง Green Building นายวิทัย กล่าวว่า การนำระบบให้คะแนน ESG Score จะนำมาใช้ในการประเมินทั้งการให้สินเชื่อและการลงทุนของธนาคาร แต่จะไม่เกี่ยวกับการลงทุนของธนาคารที่ได้เข้าไปถือหุ้นในกิจการต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐ


แหล่งที่มา : RYT9

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.