"พัชรวาท" ให้นโยบายผู้ว่าทั่วประเทศ ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมมีความเสี่ยง

09 พฤษภาคม 2567
"พัชรวาท" ให้นโยบายผู้ว่าทั่วประเทศ ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมมีความเสี่ยง

จากสถานการณ์การเกิดอุบัติภัยสารเคมีหลายครั้งที่ผ่านมาส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน และสิ่งแวดล้อม พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้นโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ กำชับ กำกับ ให้มีการสำรวจโรงงานที่มีของเสียอันตราย มีวัตถุอันตราย มีความเสี่ยงสูง อยู่ใกล้ชุมชน ถูกร้องเรียนซ้ำซาก

รวมถึงสถานประกอบกิจการที่กำกับโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 76 จังหวัด เข้าร่วม เมื่อไม่นานมานี้

 ทั้งนี้ รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว ในฐานะประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงได้ลงนามคำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ 2/2567 ลงวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม และได้ให้นโยบายไว้ ดังนี้

  1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำชับ กำกับ ให้มีการสำรวจโรงงานที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะโรงงานประเภทที่มีของเสียอันตราย หรือวัตถุอันตราย โรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน รวมถึงโรงงานที่ถูกร้องเรียนปัญหาด้านมลพิษซ้ำซากและไม่ได้รับการแก้ไข โดยให้จัดส่งมายังกรมควบคุมมลพิษตามระยะเวลาที่กำหนด
  1. ให้อุตสาหกรรมจังหวัดสนับสนุนข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการสำรวจ และหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบและถี่ถ้วน
  1. ให้หน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 –16 สนับสนุนการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดภายใต้คณะอนุกรรมการฯ อย่างเต็มความสามารถและเต็มที่
  2. ให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งประมวลผลการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมของคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดทั้งประเทศ และเสนอแนวทางในการกำกับ ควบคุม ป้องกัน แก้ไขปัญหา ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในเดือนมิถุนายน 2567
  1. ให้จังหวัดบูรณาการซักซ้อมการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน ทั้งก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย และกำหนดเป็นมาตรการรองรับเหตุการณ์ในภาวะฉุกเฉิน
  1. กรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอให้สื่อสารข้อเท็จจริงกับประชาชนตลอดระยะเวลาที่เกิดเหตุ จนเหตุการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกและต้องให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางราชการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ดังนั้นจึง ขอความร่วมมือจากทุกหน่วยร่วมกันปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างรวดเร็ว ซึ่งการทำงานในวันนี้จะเป็นการทำงานเชิงรุก เพื่อลดการสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน และประเทศชาติเป็นสำคัญ ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะจัดชุดเฉพาะกิจติดตามการดำเนินงานโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งผลการดำเนินงานทั้งหมดจะได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีรับทราบ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.