สงครามการค้าจีน-สหรัฐ ระอุอีกรอบ ตั้งกำแพงภาษีรถอีวีจีน 100% อียูเดินตามรอยสหรัฐ สกัดรถจีนราคาถูก คาดได้ข้อสรุป มิ.ย.นี้ ส.อ.ท.มองวิกฤติเป็นโอกาสรับย้ายฐานการลงทุน สรท.ห่วงกระทบส่งออกไทยระยะสั้น ไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน
การประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนหลายรายการของสหรัฐเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2567 คิดเป็นมูลค่าถึง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (6.6 แสนล้านบาท) นำโดยกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ถูกขึ้นภาษีเป็น 4 เท่าไปทะลุระดับ 100% อาจส่งผลกระทบถึงสหภาพยุโรป (อียู) ที่กำลังพิจารณามาตรการรับมือการล้นทะลักของรถอีวีราคาถูกจากจีน
สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า อียูเริ่มกระบวนการสืบสวนการอุดหนุนรถไฟฟ้าของจีนมาตั้งแต่เดือน ก.ย.2566 เพื่อหาความจริงว่า รถอีวีจีนได้รับการอุดหนุนจนมีราคาถูกและเข้ามาแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การออกมาตรการทางภาษีเพื่อตอบโต้การอุดหนุนรถไฟฟ้าของจีน
ทั้งนี้ การสืบสวนจะทราบผลภายในวันที่ 5 มิ.ย.2567 และคาดว่าอียูจะได้ข้อสรุปในเชิงยืนยันถึงการอุดหนุนและบิดเบือนตลาดรถยุโรปของรถอีวีจีน เพียงแต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีทิศทางแน่ชัดว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างไร
นายเร็ม คอร์เตเว็ก ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ของสถาบันคลังสมองคลิงเกนเดล ในเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า การที่สหรัฐขึ้นภาษีรถอีวีจีน 100% อาจกดดันให้อียูต้องทำตาม และอาจเป็นบรรทัดฐานของการกำหนดอัตราภาษีอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้อียู
ขณะที่บริษัทวิจัยโรเดียม กรุ๊ป เปิดเผยผลการศึกษาเมื่อเดือนที่แล้วว่า อียูอาจต้องกำหนดภอัตราภาษีที่ 50% จึงจะสกัดการทะลักของรถอีวีจีนในตลาดยุโรปได้ ขณะที่ปัจจุบันอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดโดยเฉลี่ยของยุโรปอยู่ที่ 19%
อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกอียูบางรายเริ่มแสดงความกังวลและไม่เห็นด้วยหากต้องดำเนินการตามแนวทางเดียวกันกับสหรัฐ หรือตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจีน
นายกรัฐมนตรีอูลฟ์ คริสเตอร์สัน ของสวีเดน กล่าวระหว่างร่วมประชุมที่เดนมาร์กในสัปดาห์นี้ว่า การใช้มาตรการกำแพงภาษีไม่ใช่ความคิดที่ดีในการแก้ปัญหาเหมารวมให้กับประเทศผู้ส่งออกและนำเข้า
นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า รถยนต์อย่างน้อย 50% ที่นำเข้าจากจีนมายังยุโรปในปัจจุบันนี้ เป็นรถจากแบรนด์สัญชาติตะวันตกที่เข้าไปผลิตในจีน
“จีน”ลั่นมีมาตรการเด็ดขาดปกป้องตนเอง
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2567 ว่า กระทรวงพาณิชย์ของจีนคัดค้านและประท้วงกรณีสหรัฐขึ้นภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับสินค้าจีนบางส่วน และจะดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของจีน
ทั้งนี้ สหรัฐมีมติปรับขึ้นการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมภายใต้มาตรา 301 กับการนำเข้าสินค้าจีน ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โซลาร์เซลล์ แร่ธาตุสำคัญ เซมิคอนดักเตอร์ เหล็กและอะลูมิเนียม และเครน จากการจัดเก็บในอัตราปัจจุบัน
โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า จีนไม่พอใจอย่างยิ่งกับกระบวนการทบทวนการจัดเก็บภาษีศุลกากรตามมาตรา 301 โดยมิชอบของสหรัฐ และการปรับขึ้นภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับสินค้าจีนบางส่วน ซึ่งมีแรงผลักดันจากประเด็นทางการเมืองในประเทศ
รวมทั้งการดำเนินการของสหรัฐใช้การค้ามาสร้างประเด็นทางการเมืองและใช้เป็นเครื่องมือ “ชักใยทางการเมือง” ตามแบบฉบับ ทั้งที่องค์การการค้าโลก (WTO) ชี้ชัดแล้วว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรตามมาตรา 301 ขัดข้อบังคับ WTO แต่สหรัฐยังทำผิดต่อ
นอกจากนี้ การขึ้นภาษีของสหรัฐขัดฉันทามติที่ผู้นำของสองประเทศเห็นพ้องต้องกัน รวมถึงสวนทางกับคำมั่นสัญญาของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อบรรยากาศความร่วมมือทวิภาคี