สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานว่า บรรดาผู้ผลิตของจีนผลิตสินค้าในปริมาณมากกว่าที่ตลาดโลกจะสามารถรองรับได้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่บางอุตสาหกรรม อาทิ แบตเตอรี่ลิเทียมและส่วนประกอบของระบบโซลาร์เซลล์ อาจปรับการผลิตในเร็ว ๆ นี้เพื่อให้เป็นไปตามอุปสงค์ของโลก
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปัญหาการผลิตส่วนเกินของจีนที่น่าจะดีขึ้น คาดว่าจะไม่รวมถึงอุตสาหกรรม รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และเหล็ก เพราะมีแนวโน้มที่จะยังคงดำเนินการผลิตส่วนเกินต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตอบโต้ครั้งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้จากประเทศขนาดใหญ่อื่น ๆ ก็ตาม
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ได้พิจารณาภาคการผลิต 7 ภาคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งรวมถึงการผลิตแผงโซลาร์เซลล์, เหล็ก และเครื่องปรับอากาศเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ขณะที่เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี โดยผู้กำหนดนโยบายกำลังรับมือกับอุปสงค์การส่งออกที่ลดลง และอุปสรรคที่เพิ่มขึ้นจากประเทศอื่น ๆ โดยบรรดาบริษัทของจีนกำลังได้รับผลกระทบจากราคาที่ลดลง และกำลังดำเนินการปรับระดับการผลิต
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ บ่งชี้ว่า การส่งออกของจีนในเดือนก.ค.ลดลงเกินคาด และกิจกรรมการผลิตหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ขณะที่ราคาส่งออกลดลงนับตั้งแต่กลางปี 2565
โกลด์แมนระบุว่า แผงโซลาร์เซลล์ของจีนในขณะนี้มีปริมาณสูงเกินความต้องการทั่วโลกถึง 200% และการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมคิดเป็นสัดส่วนราว 150% ของความต้องการทั่วโลก โดยอุปทานส่วนเกินทำให้ราคาร่วงลงมากถึง 55% นับตั้งแต่ต้นปี 2566 ซึ่งทำให้การลงทุนในธุรกิจเหล่านี้มีความน่าดึงดูดใจน้อยลง
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า ขณะที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้สำหรับการผลิตชิ้นส่วนประกอบระบบพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ลิเทียม แต่ก็จะต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีเพื่อให้อุปทานรถ EV และเซมิคอนดักเตอร์สอดคล้องกับอุปสงค์ โดยคาดว่าส่วนแบ่งตลาดส่งออกของจีนอาจลดลงมากถึง 19% สำหรับแบตเตอรี่ลิเทียมและแผงระบบโซลาร์เซลล์ เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นถึง 40% ในปี 2563-2566
ส่วนแบ่งตลาดของจีนสำหรับรถ EV, เครื่องปรับอากาศ และพาวเวอร์เซมิคอนดักเตอร์นั้น อาจเพิ่มขึ้นประมาณ 4% ซึ่งชะลอการขยายตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงปรับตัวขึ้น