อาทิ การตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาตรการภาษีคาร์บอน หรือการใช้วัตถุดิบที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า และความเสี่ยงด้านตลาดจากความต้องการสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นของผู้บริโภค รวมถึงความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีจากการขาดโอกาสลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ
Krungthai COMPASS แนะนำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตเตรียมพร้อมปรับเปลี่ยนเครื่องจักรอย่างจริงจัง โดยเริ่มตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจนและวัดได้ อีกทั้งผู้ผลิตเครื่องจักรควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
3 เทคโนโลยีเครื่องจักรที่ช่วยเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตสีเขียวให้กับภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทย โดยเฉพาะธุรกิจที่เผชิญแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโรงงานผลิตเหล็ก โรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม และโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ ได้แก่
เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพและการนำความร้อนกลับมาใช้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน สามารถลดการใช้พลังงานความร้อนและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในกระบวนการผลิตได้ถึง 30-50% อีกทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 20-50% และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานความร้อนได้ราว 20-30%
Krungthai COMPASS ประเมินว่า หากโรงงานอุตสาหกรรมของไทยมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพและการนำความร้อนกลับมาใช้ คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนราว 8 ล้านบาทต่อโรงงานอุตสาหกรรม และมีระยะเวลาคืนทุนราว 5-6 ปี มีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 19.6%
เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ในกระบวนการผลิตจะช่วยลดระยะเวลาการหยุดชะงักของเครื่องจักร และลดต้นทุนการบำรุงรักษา สามารถช่วยลดระยะเวลาการหยุดชะงักของเครื่องจักร ในกระบวนการผลิตได้ถึง 30-50% ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมและบำรุงรักษาเครื่องจักรได้ราว 40% อีกทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 10-30%
เทคโนโลยีปั้มและวาล์วอัจฉริยะจะช่วยประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน โดยการใช้ปั้มและวาล์วในการควบคุมการส่งถ่ายของไหล (Liquid Transfer) สามารถปรับอัตราการไหลได้อัตโนมัติและปรับพารามิเตอร์การทำงานให้เหมาะสมเพื่อให้ตรงกับความต้องการในแต่ละอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดการสูญเสียในระบบน้อยที่สุด ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าระบบแบบเดิมที่ไม่ได้มีการควบคุมที่แม่นยำ และช่วยลดการใช้พลังงานได้ 10-20% อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 10-30%
Krungthai COMPASS ประเมินว่า หากโรงงานอุตสาหกรรมของไทยมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปั้มและวาล์วอัจฉริยะ คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนราว 1.8 ล้านบาทต่อโรงงานอุตสาหกรรม และมีระยะเวลาคืนทุนราว 3-4 ปี มีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 27.2%
Krungthai COMPASS แนะนำผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้?
ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมควรเตรียมความพร้อมเพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจนและวัดได้ เพื่อยกระดับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions)
ผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การประยุกต์ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ควบคู่กับเทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพการผลิต เพื่อลดส่วนสูญเสียจากการผลิต ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า รวมถึงการพัฒนาวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องจักรซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ภาครัฐควรเป็นแกนหลักในการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียวและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในธุรกิจเครื่องจักรและอุปกรณ์ได้อย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม โดยมีการกำหนดนโยบายและมาตรการที่ชัดเจน สนับสนุนเงินทุนสำหรับการลงทุนในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ภาคการเงินทั้งหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์จะเป็นอีกหนึ่ง Key enabler สำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตสีเขียวให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ช่วยส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต