Worldsteel คาดการณ์ความต้องการเหล็กในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (ที่ไม่นับรวมจีน) จะมีการเติบโต ในปี 2023 อยู่ที่ 4.1% และ ในปี 2024 อยู่ที่ 4.8% แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะยังคงมีความแตกต่างกันกันออกไป
เศรษฐกิจของอินเดียยังคงมีความยืดหยุ่นต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูง และความต้องการเหล็กยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการฟื้นตัวของการลงทุนจากภาคเอกชน มีเพียงภาคส่วนของสินค้าคงทนสำหรับผู้บริโภคเพียงภาคส่วนเดียวที่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่าปกติ โดย worldsteel คาดว่าความต้องการเหล็กของอินเดีย ในปี 2023 อาจขยายตัว 8.6% และ ในปี 2024 จะขยายตัวที่ 7.7%
ความต้องการเหล็กในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN) ยังได้รับแรงผลักดันจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่การส่งออกของกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศ ได้ชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากการค้าโลกที่ถดถอยลง ซึ่งส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง หลังจากที่ในปี 2022 หดตัว 0.2% โดย worldsteel คาดว่าความต้องการเหล็กในอาเซียน ในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในปี 2024 จะขยายตัว 5.2% Worldsteel กล่าว
ในตุรกีมีความต้องการเหล็กที่สูงมาก โดยคาดว่าจะเติบโต 19% อันเป็นผลมาจากการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว และการละทิ้งนโยบายการเงินที่แหวกแนวก่อนหน้านี้ ที่ได้ผลักดันการลงทุนจากต่างประเทศออกจากประเทศ worldsteel กล่าว
ในภูมิภาคตะวันออกกลาง-แอฟริกาเหนือ (Middle East-North Africa) คาดว่าจะเห็นความต้องการเหล็กหดตัวในปีนี้ ทั้งในรัฐ Gulf Cooperation Council และในแอฟริกาเหนือ เนื่องจากการก่อสร้างที่ซบเซาในซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่สูง การอ่อนค่าของสกุลเงิน การเข้าถึงสกุลเงินต่างประเทศอย่างจำกัด และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่งผลต่อความเป็นไปได้ในการเติบโตในบางรัฐของแอฟริกาเหนือ หลังจากที่ในปี 2022 การเติบโตของความต้องการเหล็กทั้งหมดในภูมิภาค MENA ขยายตัวอยู่ที่ 9.4% ซึ่งคาดว่าในปี 2023 จะลดลง 3.5% และจะฟื้นตัวเต็มที่ ในปี 2024