จับตาสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กของจีน

01 พฤศจิกายน 2566
จับตาสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กของจีน
          สถานการณ์ของภาคอุตสาหกรรมเหล็กจีน ในช่วง 8 เดือนสะสมของปี นี้ ภาคการผลิตเหล็กดิบ ขยายตัว 2.6% y-o-y. ในขณะที่การบริโภคภายในประเทศ หดตัว 0.4% ความต้องการที่ลดลง จากการชะลอตัวในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคการก่อสร้างของจีน
          จากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีการบริโภคเหล็กมากที่สุด ทำให้อุปสงค์เหล็กภายในประเทศจีนชะลอตัวตามไปด้วย ส่งผลให้การนำเข้า ลดลง 45.3% y-o-y. ในขณะที่ภาคการส่งออกของจีนกลับขยายตัวอย่างมาก การส่งออก 8 เดือนสะสม จีนส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กทั้ง กึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูป รวมทั้งสิ้น 60.98 ล้านตัน เพิ่มขึ้น ถึง 30.6% y-o-y. “การเติบโตของการส่งออกเหล็กยังเกินกว่าการเติบโตของการผลิต ซึ่งบ่งชี้ว่าการผลิตเหล็กที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ถูกบริโภคโดยตลาดต่างประเทศ” ความต้องการเหล็กทั่วโลกโดยรวมนั้นค่อนข้างซบเซา แต่ด้วยราคาเหล็กของจีนมีความสามารถในการแข่งขันสูง ประกอบกับความพยายามในการส่งเสริมโครงการ "Belt and Road" ได้นำไปสู่การส่งออกที่แข็งแกร่งจากประเทศจีนจนถึงปี 2023
           โดยตลาดหลักที่จีนส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปและเหล็กสำเร็จรูป ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ภูมิภาคอาเซียน (คิดเป็นร้อยละ 29 ของการส่งออกทั้งหมด) โดยส่งออกสูงสุดไปยัง คือเวียดนาม (+34%) รองลงมาคือไทย (+26%)  ฟิลิปปินส์ (+11%) และอินโดนีเซีย (+37%) ตามลำดับ
ด้านอัตราการดำเนินงานของ BF ในช่วงวันที่ 15-21 กันยายน ของโรงงานเหล็กของจีน 199 แห่ง อยู่ที่ 90.12% เพิ่มขึ้น 0.06% จากการสำรวจครั้งล่าสุด แนวโน้มการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูง
          ล่าสุด ในเดือนกันยายน คาดว่าการส่งออกเหล็กที่แข็งแกร่งของจีนมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2023 และอาจคงอยู่นานตลอด ทั้งปี 2024 เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) ที่จะเป็นดังตัวสนับสนุนและผลักดันภาคการผลิตเหล็กของจีน การเติบโตของการส่งออกเหล็กของจีนไปยัง Emerging markets จะดำเนินต่อไปในปี 2024 ซึ่งน่าจะชดเชยการส่งออกไปยังตลาดที่ลดลงอย่างมาก เช่น ยุโรป เกาหลีใต้ และตุรกี ได้
          สะสม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 66) ผลผลิตเหล็กพิกไอออน และเหล็กดิบของจีน ยังคงเพิ่มขึ้น 2.8% และ 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณอยู่ที่ 675.16 ล้านตัน และ 795.07 ล้านตัน ตามลำดับ ถ้าหากจีนต้องการรักษาระดับการผลิตปี 2023 ให้ต่ำกว่าปี 2022 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนของจีน S&P Global Commodity Insights ประเมินว่า ผลผลิตเหล็กดิบรายวันของประเทศจีน ในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 66 จะต้องลดลง 11.5% จากเดือน ก.ย. และลดลง 4% จากระดับของปีที่แล้ว ซึ่งจะต้องอยู่ที่ 2.423 ล้านตัน/วัน ซึ่งขณะนี้ จีนยังไม่ได้ชี้แจงว่าจะจำกัดการผลิตเหล็กดิบ ในปี 2023 ว่าจะอยู่ภายในระดับเดียวกับปี 2022 หรือไม่ ซึ่งมีการคาดกันว่า การลดกำลังการผลิตเหล็กตามคำสั่งของรัฐบาลในช่วงที่เหลือของปี 2023 จะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรืออาจมีการผ่อนปรนในการลดการผลิต เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้การลดการผลิตในช่วงที่เหลือของปีอาจมีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปี 2022
           ข่าวล่าสุด บ. Country Garden Holdings หนึ่งในเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ของจีน ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ 470 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (60 ล้านดอลลาร์) ที่จะครบกำหนดในวันที่ 18 ต.ค แหล่งข่าวคาดว่า การผิดนัดชำระหนี้จะบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของผู้ซื้อบ้าน ซึ่งจะทำให้การเริ่มก่อสร้างบ้านใหม่ และความต้องการเหล็กที่เกี่ยวข้อง มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในขาลงในอนาคตอันใกล้
            อุปทานที่ยังอยู่ในระดับสูงขณะที่อุปสงค์ยังคงซบเซาในประเทศจีน โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์สิ่งนี้จะทำให้ตลาดเหล็กในประเทศจีนอยู่ภายใต้แรงกดดัน ทั้งเรื่องของปริมาณผลผลิตและปริมาณสินค้าคงคลังที่สูง จะส่งผลระดับราคาสินค้าและอัตรากำไรขั้นต่ำของผู้ผลิตเหล็ก ซึ่งหากยังรัฐจีนยังไม่มีการประกาศลดกำลังการผลิตลง และยังแนวโน้มการผลิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจจะก่อให้เกิดการระบายสินค้า ส่วนเกินไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จากความสามารถในการแข่งขันด้านราคาที่มีความได้เปรียบผู้ผลิตในหลายประเทศ

แหล่งที่มา : ISIT Analysis

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.