เอกชนห่วงเศรษฐกิจแย่ วอนรัฐบาล-ธปท.แก้ปัญหาบาทแข็ง

05 กันยายน 2562
เอกชนห่วงเศรษฐกิจแย่ วอนรัฐบาล-ธปท.แก้ปัญหาบาทแข็ง
           นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ว่าที่ประชุมมองในช่วงที่เหลือของปีนี้เศรษฐกิจไทยยังอยู่ท่ามกลางความกดดันต่างๆ ทั้งจากภาคต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และปัญหาการค้าระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี ความเสี่ยงจากประเด็นการถอนตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายภายในประเทศก็ถูกกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง แต่ล่าสุดยังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้ กกร.ยอมรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2562 มีโอกาสเติบโตต่ำกว่าปัจจุบันที่ประเมินไว้ที่ 2.9-3.3% ส่วนหนึ่งมีความกังวลจากปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทที่แข็งค่ากว่าค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาคและมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง จึงอยากให้ทางการออกมาตรการเพื่อดูแลการแข็งค่าของเงินบาทโดยเร็ว

“หากปล่อยให้สภาวการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อส่งออกให้ลดลงตามไปด้วยจากที่คาดการณ์ส่งออกปีนี้ไว้ที่ติดลบ 1%ถึงโตได้ 1% และฉุดจีดีพีที่คิดว่าจะโตต่ำกว่าเป้าหมายอยู่แล้วให้มีโอกาสลดลงได้อีก ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กกร.ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบอีกครั้งประกอบการพิจารณาในการประชุมรอบถัดไปช่วงเดือนตุลาคมนี้” นายปรีดีกล่าว

ส่วนการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกจาก 1.25% เพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติอาจไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องลดแรงกดดันต่อการแข็งค่าเงินบาทได้ทั้งหมด เพราะการแข็งค่าของเงินบาทขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง เห็นได้จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังเกินดุล ทำให้มีเงินเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง เป็นต้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่า ขณะนี้จะเห็นว่าค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและแข็งค่าค่อนข้างมากเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยแข็งค่าขึ้น 14% เมื่อเทียบค่าเงินวอนของประเทศเกาหลี และค่าเงินหยวนของจีน 10% ขณะที่ค่าเงินดองของเวียดนามทรงตัว ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าต้องกลับไปเร่งศึกษาหาข้อมูลที่ชัดเจนถึงปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาเพื่อรีบนำกลับมาเสนอรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งไม่เพียงแต่จะแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น แต่ต้องเตรียมรับมือกับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในครั้งถัดไป เท่ากับจะยิ่งทำให้เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า และส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นอีก สุดท้ายก็จะส่งผลกระต่อการส่งออกรวมถึงการท่องเที่ยวของไทยไปด้วย

“ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องคุยกันถึงแนวทางรับมือกับปัญหา เราอาจใช้จังหวะที่เงินบาทแข็งค่านี้สนับสนุนให้มีการออกไปลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย รวมถึงการออกพันธบัตรที่ต้องทำโดยเร็ว อีกทั้งในส่วนของการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อดูแลด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายด้านการเงิน ซึ่งประกอบด้วย องค์กรอิสระต่างๆ อาทิ ธปท. สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กระทรวงการคลัง เป็นต้น ที่ภาครัฐมีแนวทางในการจัดตั้งนั้นในส่วนของกกร. มีความเห็นว่าควรจะดึงภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อเสนอในมุมมองของภาคเอกชนด้วย”นายสุพันธุ์ กล่าว

อ่านต่อได้ที่ : https://www.naewna.com/business/438235


แหล่งที่มา : แนวหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.