“ส.อ.ท.”เปิดแผนฟื้นฟูหลัง“โควิด”ลดพึ่งพาต่างชาติ-เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

23 กรกฎาคม 2563
“ส.อ.ท.”เปิดแผนฟื้นฟูหลัง“โควิด”ลดพึ่งพาต่างชาติ-เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร
               นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. และประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลัง COVID-19 เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการวางแผนฟื้นฟูในระยะกลาง (6-12 เดือน) และระยะยาว (18-24 เดือน) โดยแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมดั้งเดิม 45 กลุ่ม 11 คลัสเตอร์ มี 3 ข้อหลัก ประกอบด้วย
               1.สนับสนุนสินค้าไทย (Made in Thailand) ซึ่งได้นำเสนอกับกรมบัญชีกลางในการปรับปรุงระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ให้เพิ่มแต้มต่อในด้านการซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมากขึ้น
               2.เน้นการพัฒนาห่วงโซ่การผลิต ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ตลอดซัพพลายเชน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผลกระทบจากงครามการค้า (Trade War) เมื่อปีที่ผ่านมา และยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรค  โควิด-19 ทำให้ขาดชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากการปิดประเทศและการ  Lock Down ของจีน
แต่บางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการสั่งของจากต่างประเทศไม่ได้ จึงหันมาสั่งของจากไทย แต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น จึงเป็นที่มาของ Deglobalization การหันกลับมาพัฒนาสิ่งของหรือวัตถุดิบใช้เองในประเทศ นอกจากนี้กรณี Trade War รอบสองเกิดขึ้นแล้ว ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้น การจะทำให้ซัพพลายเชนในประเทศกลับมาได้ คือการพัฒนาห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ
                3.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในภาคเกษตรและอาหาร ในขณะที่การส่งออกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาการจ้างงาน แต่ประเทศไทยมีต้นทุนที่ดีมากคือความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้น อุตสาหกรรม Bio Economy การทำเกษตรแปรรูป เกษตรเพิ่มมูลค่า จะเป็นสิ่งที่ตรงกับคนไทยมากที่สุดในอนาคต และเป็นความต้องการของโลกด้วย
สำหรับแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความสำคัญในอนาคต 6 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมดิจิทัล 2.อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับสุขภาพ 3.เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ 4.อุตสาหกรรมโลจิสติกส์  5.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และ 6.อุตสาหกรรม Bio Economy 
                นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดตั้งโครงการความร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรม, คลัสเตอร์ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัด โดยสภาอุตสาหกรรมฯ ในฐานะหน่วยงานภาคเอกชน เห็นว่าเรื่องแผนฟื้นฟูควรเป็นแผนระยะยาวที่มีความยั่งยืนและต่อยอดได้ ดังนั้น ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นความร่วมมือจากคลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่างๆ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัด โดยได้เชิญประธานสภาอุตสาหกรรมทั้ง 5 ภาค เข้าร่วมเป็นอนุกรรมการฟื้นฟูฯ เพื่อร่วมพิจารณาเสนอโครงการนำร่องจากแต่ละภาค และให้คลัสเตอร์และกลุ่มอุตสาหกรรมได้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะภาคการเกษตร โดยปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โครงการสำเร็จได้ คือ Ownership ต้องมีเจ้าภาพดำเนินการ อาจเป็นมืออาชีพ หรือผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ ,Business Plan ต้องมีแผนธุริจที่ชัดเจน การดำเนินงานจะต้องมีกำไร ขยายต่อไปได้อย่างยั่งยืน และCo-Operation การเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด

แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.