หวั่นจีนลงทุน“หลอมอะลูมิเนียม”กระทบไทย

21 สิงหาคม 2563
หวั่นจีนลงทุน“หลอมอะลูมิเนียม”กระทบไทย
จีนแห่ตั้งโรงงานหลอมอะลูมิเนียมที่ไทย หลังสงครามการค้ากระทบนำเข้าวัตถุดิบจากอเมริกาไม่ได้ ชุมชนหวั่นมลพิษ วอนรัฐสกรีนเข้ม เอกชนกังวลดัมพ์ราคาไทย ซ้ำรอยเหล็กเส้นต้องคุมกำเนิดตั้งโรงงาน 5 ปี
แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเปิดเผย”ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณว่ามีนักลงทุนจีนสนใจลงทุนโรงหลอมอะลูมิเนียมในประเทศไทยมากขึ้นและเร็วกว่าปกติ เนื่องจากจีนไม่สามารถนำเข้าอะลูมิเนียมจากสหรัฐ เพื่อนำมาหลอมได้ ผลจากสงครามการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ บวกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จีนจึงเปลี่ยนแผนการลงทุนโดยเล็งไทยให้เป็นที่ตั้งใหม่ในการหลอมอะลูมิเนียมส่งออกกลับเข้าไปจีนแทนและส่วนหนึ่งขายในประเทศไทย
เพื่อตัดปัญหาที่ไม่สามารถนำเข้าอะลูมิเนียมจากสหรัฐได้ด้วยประเทศไทยมีกำลังการผลิต และความต้องการใช้ยังไม่มาก อาจทำให้รัฐบาลตัดสินใจอนุมัติให้โรงหลอมใหม่จากจีนเข้ามาตั้งในไทยได้ เสี่ยงจะเกิดปัญหาเช่นเดียวกับการย้ายโรงงานเหล็กเส้นจีนเข้ามาตั้งในประเทศไทย ซึ่งบางรายนำเตาหลอมเก่า เช่น เตาหลอมอินดักชั่นมาใช้ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ
“ที่ผ่านมากลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก และสมาคมเหล็กในประเทศไทย ต่างได้มีความพยายามต่อสู้กันมาโดยตลอดหลายปี เนื่องจากกังวลเรื่องของมลพิษที่จะเกิดในประเทศไทยเอง และการเข้ามาดัมพ์ราคาทำให้ราคาเหล็กตกต่ำลงไปอีก เกิดการแข่งขัน ทำให้เหล็กล้นตลาด จึงเป็นที่มาของคำสั่งประกาศห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต หรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตทุกขนาดทุกท้องที่ในราชอาณาจักร เป็นเวลา 5 ปีนับจากเมื่อปี 2562 และมีการพิจารณาถึงโรงงานเหล็กลวดด้วยเช่นกัน ล่าสุดเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้งกับโรงงานหลอมอะลูมิเนียม แม้ว่าไทยจะใช้อะลูมิเนียมยังไม่มาก แต่แน่นอนว่าความกังวลเรื่องมลพิษก็จะตามมา”
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ชุมชนรอบโรงงานหลอมอะลูมิเนียม จ.ชลบุรี ได้ร้องเรียนว่าโรงงานดังกล่าวสร้างมลพิษและปล่อยของเสียรอบชุมชน ซึ่งจากการที่กระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่ดังกล่าวพบว่า โรงงานมีใบอนุญาต รง.4 ดำเนินการตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม จึงได้กำชับให้โรงงานดูแลจัดการของเสียทั้งเศษฝุ่นจากอะลูมิเนียม และตะกรัน
นายธีรพันธุ์ พิมพ์ทอง ประธานกลุ่มอะลูมิเนียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันอะลูมิเนียมมี 2 ประเภท มีกำลังการผลิตรวม 550,000 ตัน/ปี มูลค่า 60,000 ล้านบาท คือ อะลูมิเนียมชนิดเส้น (ผลิตกรอบประตู หน้าต่าง) ซึ่งมีกำลังการผลิต 290,000 ตัน/ปี มูลค่าตลาด 33,000 ล้านบาท ส่งออก 60,000 ตัน นำเข้า 40,000 ตัน และอะลูมิเนียมชนิดแผ่น (กระป๋องน้ำอัดลม เบียร์) กำลังการผลิต 260,000 ตัน/ปี มูลค่าตลาด 27,000 ล้านบาท
“อะลูมิเนียมชนิดเส้น และชนิดแผ่นถูกสินค้าจีนเข้ามาดัมพ์ราคาต่ำกว่าไทย10-20% ล่าสุดพบว่ามีนักลงทุนจีน 1 รายได้รับการอนุมัติลงทุนผลิตอะลูมิเนียมชนิดเส้นในพื้นที่ภาคตะวันออกมีกำลังการผลิตถึง 30,000 ตัน ยิ่งตอกย้ำให้สถานการณ์ของอะลูมิเนียมแย่ลงไปอีก ไม่ต่างจากเหล็กเส้นและเหล็กลวด ทางกลุ่มอยู่ระหว่างหารือกับภาครัฐเพื่อหาแนวทางป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางประธานกลุ่มอะลูมิเนียม ส.อ.ท. ได้ขอให้รัฐช่วยกันแก้ปัญหา ด้วยมีความกังวลเรื่องการทุ่มตลาดอะลูมิเนียมในประเทศไทย ซึ่งเป็นวิกฤตเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเหล็กเส้นและเหล็กลวด
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ปัจจุบันมีโรงงานหลอมอะลูมิเนียมที่ได้รับใบอนุญาต รง.4 ทั้งหมด 20 โรง มีเงินลงทุน 139.24 ล้านบาท เป็นการประกอบกิจการหล่ออะลูมิเนียมเป็นเครื่องใช้ เครื่องเรือน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง

อ่านต่อได้ที่:https://www.prachachat.net/economy/news-509060

แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.