"เอกชน" ชี้สินค้าราคาถูกไม่ได้มาตรฐานทุบตลาดไทยยอดขายร่วงสูงสุด 30%

02 มีนาคม 2567
"เอกชน" ชี้สินค้าราคาถูกไม่ได้มาตรฐานทุบตลาดไทยยอดขายร่วงสูงสุด 30%

"เอกชน" ชี้สินค้าราคาถูกไม่ได้มาตรฐานทุบตลาดไทยยอดขายร่วงสูงสุด 30% ยอมรับกังวลเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมภายในประเทศ

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 38 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ภายใต้หัวข้อ “สินค้าราคาถูกด้อยคุณภาพบุกตลาดไทย ภาคอุตสาหกรรมรับมืออย่างไร” จากความเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท. พบว่า มีผู้ตอบแบบสำรวจที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและสินค้าไม่มีมาตรฐานที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทยมากถึง 65.8% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 

ทั้งนี้ ส่งผลกระทบทำให้ยอดขายสินค้าของไทยลดลงตั้งแต่ 10% จนถึงมากกว่า 30% ในบางอุตสาหกรรม ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมภายในประเทศ เนื่องจากหลายอุตสาหกรรมไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับสินค้าราคาถูกที่เข้ามาในประเทศได้ 

รวมทั้งมีความกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพและไม่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร เครื่องสำอาง สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม สินค้าแฟชั่น วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากผลกระทบดังกล่าว ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับสินค้าที่ไม่มีมาตรฐานและใช้การสําแดงเท็จนำเข้าผ่านด่านศุลกากร ควบคู่ไปกับการตรวจสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานในท้องตลาดทั้ง มอก. และ อย. 

อีกทั้งจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาสินค้าราคาถูกที่เข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์ E Commerce platform โดยการพิจารณาทบทวนข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท และออกมาตรการป้องกันการสําแดงราคาเท็จ ตลอดจนทบทวนเงื่อนไขการใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone Warehouse) เพื่อทำให้เกิดความเท่าเทียมในการขายสินค้าในประเทศ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงสถานการณ์การแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดอาเซียน ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มองว่า ต้นทุนการผลิตของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นมากทั้งจากค่าไฟฟ้า ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ทำให้สินค้าไทยในปัจจุบันเริ่มที่จะแข่งขันได้ยากยิ่งขึ้นในตลาดอาเซียน ซึ่งจะเห็นได้จากมูลค่าการส่งออกสินค้าไปอาเซียน ปี 2566 ที่ลดลงกว่า 7.12% เมื่อเทียบกับปี 2565  

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 234 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 38 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐานที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทยระดับใด 

  • ยอดขายลดลง 10%  20.9%
  • ยอดขายลดลง 20%  19.7%
  • ยอดขายลดลง มากกว่า 30% 17.9%
  • ยอดขายลดลง 30%   7.3%
  • ไม่ได้รับผลกระทบ  34.2%  

ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐานในเรื่องใด (Multiple choices)  

  • อุตสาหกรรมภายในประเทศสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้ 81.2%
  • ความปลอดภัยของผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ และไม่มีมาตรฐาน 74.4%
  • การจัดการขยะที่มาจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า 44.0%
  • การลักลอบนำเข้าสินค้ามาสวมสิทธิของไทยในการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ 42.3%
  • ภาคอุตสาหกรรรมีแนวทางการปรับตัวเพื่อแข่งขันกับสินค้าราคาถูกที่เข้ามาในตลาดอย่างไร (Multiple choices) ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้รับรองมาตรฐาน เช่น มอก., อย. 65.8% 
  • สร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับ และพัฒนาบริการหลังการขาย 58.1%
  • พัฒนากระบวนการผลิตและสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์กระแสผู้บริโภค 49.1%
  • ปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเจาะกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ 46.6%

ภาครัฐควรมีมาตรการปกป้องผู้ประกอบการไทยจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐานอย่างไร (Multiple choices)

  • เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับสินค้าไม่มีมาตรฐานและสําแดงเท็จ ที่มีการนำเข้าผ่านด่านศุลกากร และการตรวจสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ในท้องตลาดทั้ง มอก. และ อย.  78.2%
  • ทบทวนข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท และออกมาตรการป้องกันการสําแดงราคาเท็จ 66.2%
  • ทบทวนเงื่อนไขการใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone Warehouse) ในกรณีขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์  54.7%
  • การนำมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนตลาด (Anti-Circumvention: AC) มาบังคับใช้  48.3%

กลุ่มสินค้าใดที่ภาครัฐควรเร่งเข้ามาช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐาน (Multiple choices) 

  • เครื่องใช้ไฟฟ้า 70.1%
  • อาหาร และเครื่องสำอาง 55.6%
  • สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าแฟชั่น 49.6% 
  • วัสดุก่อสร้าง 42.7%
  • เครื่องจักรกล 30.3% 

ภาคอุตสาหกรรมมีมุมมองต่อการแข่งขันกับสินค้าที่ทะลักเข้ามาในตลาดอาเซียนอย่างไร 

  • สินค้าไทยแข่งขันได้ยาก เนื่องจากต้นทุนที่อยู่ในระดับสูง  57.7%
  • สินค้าไทยถูกแยกส่วนแบ่งทางการตลาดบางส่วน แต่ยังสามารถรักษาตลาดไว้ได้ 31.2%  
  • สินค้าไทยยังคงเป็นที่นิยมและสามารถแข่งขันได้ 11.1%

แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.