ส่งออกรถ EV-สินค้าเกษตรคาร์บอนตํ่า รุ่ง "รถสันดาป-พลาสติก" ขาลง

06 มีนาคม 2567
ส่งออกรถ EV-สินค้าเกษตรคาร์บอนตํ่า รุ่ง "รถสันดาป-พลาสติก" ขาลง
  • การส่งออกของไทยในเดือนมกราคม 2567 ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
  • สินค้าส่งออกที่มีอนาคตของไทยช่วง 1-5 ปีนับจากนี้ อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์ของโลก เช่น อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยั่งยืน เกษตรคาร์บอนต่ำ อาหารสุขภาพเพื่อผู้สูงวัย
  • สินค้าส่งออกที่มีทิศทางขาลงและต้องปรับตัว เช่น รถยนต์และชิ้นส่วนสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายใน เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์

ภาคการส่งออกเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม เดือนแรกของปี 2567 ส่งสัญญาณบวก มีมูลค่าส่งออก 22,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (784,580 ล้านบาท) ขยายตัวถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยปีนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกจะขยายตัวได้ที่ 1-2% จากปี 2566 มีมูลค่าส่งออก 284,651.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( 9.80 ล้านล้านบาท) ติดลบ 1%

ข้อมูลเดือนมกราคม 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 10.3% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์ยาง, อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เคมีภัณฑ์, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น

ส่วนสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 9.2% โดยสินค้าที่ขยายตัว เช่น ข้าว ,ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป, ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, นํ้าตาลทราย เป็นต้น

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ภาคการส่งออกยังมีสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)ของไทยสูงถึง 65% ช่วง 1-5 ปีนับจากนี้ มองว่าสินค้าส่งออกของไทยในกลุ่มดาวรุ่งจะเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์ของโลก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่, ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยั่งยืน, สินค้าเกษตรคาร์บอนตํ่า, รถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน และอาหารสุขภาพเพื่อผู้สูงวัย เป็นต้น

ส่วนสินค้าดาวร่วงอยู่ในกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์สันดาปภายใน จากโลกมุ่งสู่รถใช้พลังงานสะอาด, เหล็กจากผลกระทบเหล็กนำเข้า และพลาสติก จากจีนเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญขยายอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศลดการนำเข้าจากไทย

ขณะที่จีดีพีของไทยในปี 2567 คาดจะขยายตัวได้ 3.0% และการส่งออกขยายตัวได้ 2.5% โดยจีดีพีไทยในปีนี้มีปัจจัยภายในที่เป็นปัจจัยบวก ได้แก่ คาดการณ์นักท่องเที่ยวจะเข้ามามากกว่าปี 2566, รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ, ส่งออกขยายตัวเป็นบวก ส่วนปัจจัยลบได้แก่ อัตราดอกเบี้ยสูง, ต้นทุนการผลิตผู้ประกอบการสูง และศักยภาพการแข่งขันสินค้าไทยตํ่าทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม

 ส่วนปัจจัยบวกจากภายนอกได้แก่ อัตราดอกเบี้ยโลกมีทิศทางลง ทำให้เงินบาทอ่อนค่า ส่งผลดีต่อการส่งออก, เศษฐกิจอาเซียนและอินเดียคู่ค้าของไทยขยายตัว ปัจจัยลบได้แก่ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว, สงครามในตะวันออกกลางขยายวง ลดทอนการบริโภค เป็นต้น

 
 

แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.