'บราซิล' เผชิญสินค้าจีนทะลัก คนในชาติโอดขอรัฐตั้งกำแพงภาษีสู้

19 มีนาคม 2567
'บราซิล' เผชิญสินค้าจีนทะลัก คนในชาติโอดขอรัฐตั้งกำแพงภาษีสู้
“บราซิล” ประเทศใหญ่แห่งอเมริกาใต้เผชิญการไหลบ่าของสินค้าจีนราคาถูก จนผู้ประกอบเรียกร้องการตั้งกำแพงภาษี การทะลักที่เข้าไปแข่งขันกับสินค้าท้องถิ่นเช่นนี้ยังเกิดขึ้นทั่วทั้งโลกไม่ว่าในไทย อเมริกา ยุโรป ฯลฯ

ไม่ใช่ “ไทย” เท่านั้นที่เผชิญการไหลบ่าของสินค้าราคาถูกจากจีน จนสินค้าในประเทศขายไม่ได้ “บราซิล” ก็เช่นกัน เมื่อเหล็ก โลหะ เคมีภัณฑ์ ล้อรถยนต์ ฯลฯ จากจีนไหลทะลักเข้าไปที่ประเทศมหาศาล จนรัฐบาลบราซิลเปิดการสอบสวนเรื่องนี้ และกำลังพิจารณา “การขึ้นกำแพงภาษี

หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอันดับต้น ๆ คือ “เหล็ก” โดยบริษัท CSN ยักษ์ใหญ่ผลิตเหล็กของบราซิลระบุว่า ระหว่างเดือน ก.ค. 2565 ถึง มิ.ย. 2566 แผ่นเหล็กกล้าคาร์บอนจากจีนที่เข้ามาในบราซิลได้พุ่งขึ้นเกือบ 85% อีกทั้งยอดนำเข้าเหล็กและแร่จากจีนได้เพิ่มขึ้นจาก 1,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2557 สู่ 2,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2566

ด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้ผลิตเหล็กของบราซิลจึงขอให้รัฐบาลขึ้นกำแพงภาษีเหล็กจีนให้อยู่ระหว่าง 9.6% และ 25%

นอกจากเหล็กแล้ว “เคมีภัณฑ์” สำคัญอย่าง Phthalic anhydride (ฟาทาลิกแอนไฮดราย) ในการผลิตพลาสติก ก็มีปริมาณการนำเข้าจากจีนสูงขึ้นมากกว่า 2,000% ระหว่างเดือน ก.ค. 2561 และ มิ.ย. 2566

ส่วน “ล้อรถ” ที่เข้ามาในบราซิลได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จาก 23 ล้านชิ้น เป็น 47 ล้านชิ้นในช่วงเวลาเดียวกัน โดยราว 80% มาจากจีน

จากปรากฏการณ์เช่นนี้ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมบราซิลจึงเปิดการสืบสวนการทุ่มตลาดของจีน โดยคาดว่าใช้ระยะเวลา 18 เดือน และจะสรุปเป็นมาตรการแก้ปัญหาต่อไป

การขึ้นกำแพงภาษีกับเหรียญ 2 ด้าน

ถ้าดูสิ่งที่ผู้ประกอบการเรียกร้องให้รัฐบาลทำ อย่าง “การขึ้นกำแพงภาษี” สินค้าจีน เพื่อไม่ให้มีราคาต่ำเกินไป และอุตสาหกรรมในประเทศจะได้แข่งขันได้นั้น ไม่ใช่จะทำได้โดยง่าย เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าสำคัญของบราซิล โดยเป็น “ลูกค้ารายใหญ่ที่สุด” ที่ซื้อถั่วเหลืองจากบราซิลเป็นจำนวนมาก ซึ่งสัดส่วนถั่วเหลืองที่ส่งออกไปจีนสูงถึง 73% ตามข้อมูลจากแผนกการเกษตรและเศรษฐศาสตร์การบริโภคของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ปี 2567

ดังนั้น การใช้กำแพงภาษี อาจทำให้จีนตัดสินใจลดการนำเข้าถั่วเหลืองบราซิลแทน และกระทบรายได้เหล่าเกษตรกร นับเป็น “โจทย์หนัก” ของประธานาธิบดีบราซิลฝ่ายซ้ายอย่าง ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา (Luiz Inácio Lula da Silva) ที่ต้องรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องผู้ค้าในประเทศ


แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.