ในเดือนกุมภาพันธ์ การผลิตเหล็กทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณอยู่ที่ 148.9 ล้านตัน แต่ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ข้อมูลจาก World Steel Association's ที่เผยแพร่ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม
การผลิตเหล็กดิบ (Crude steel) ของจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก การผลิตลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน อยู่ที่ 81.1 ล้านตัน แต่เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
จากข้อมูลของ S&P Global Commodity Insights การส่งออกเหล็กสำเร็จรูป (finished steel) ของจีนแข็งแกร่งในช่วงต้นปี 2024 โดยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จีนส่งออก 15.91 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หลังจากส่งออกเกือบ 91 ล้านตัน ในปี 2024 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุด.
การผลิตเหล็กดิบของอินเดียในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 6.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน อยู่ที่ 11.8 ล้านตัน แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มมากขึ้นถึง 11.4% เนื่องจากอุตสาหกรรมยังคงเพิ่มการผลิตอย่างต่อเนื่อง
การผลิตเหล็กดิบในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสามของโลก ลดลง 3.8% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม มีปริมาณที่ 6.99 ล้านตัน และมีการผลิตที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ในเดือนกุมภาพันธ์ การผลิตเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว ปริมาณอยู่ที่ 3.1 ล้านตัน และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3 ล้านตัน ในเดือนมกราคม The German steel association กล่าวเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ว่า แม้ว่าการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่ระดับยังคงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศยังคงอยู่ในภาวะถดถอย
ตุรกีมีการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเพิ่มขึ้น 46.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีปริมาณที่ 3 ล้านตัน โดยผู้ผลิตชาวตุรกีกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า พวกเขาได้เห็นความต้องการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในช่วงสองเดือนแรกของปี แม้ว่าการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์จะต่ำกว่าเดือนมกราคมที่มีปริมาณ 3.2 ล้านตัน ก็ตาม เนื่องจากการใช้เตาหลอมไฟฟ้า (electric arc furnaces) ทำให้ผู้ผลิตในตุรกีสามารถปรับการผลิตได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศที่ส่วนใหญ่ผลิตด้วยเตาหลอมถลุงเหล็ก (blast furnace) เช่น เยอรมนี