"กรมเจรจาฯ" กางแผนงานครึ่งปีหลัง เร่งถก FTA ไทย-EFTA ภายในปีนี้

01 กรกฎาคม 2567
"กรมเจรจาฯ" กางแผนงานครึ่งปีหลัง เร่งถก FTA ไทย-EFTA ภายในปีนี้

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยลุยครึ่งหลังปี 67 เร่งสรุปผลการ เจรจา FTA ไทย-EFTA ภายในปีนี้ พร้อมใช้เวที JTC ถกแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า ชี้ช่องผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์ FTA ขยายโอกาสการค้าและการลงทุน

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงแผนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) และการประชุมระหว่างประเทศ ในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ว่า กรมได้มุ่งการเจรจาเชิงรุกเพื่อเร่งรัดหาข้อสรุป FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA)และผลักดัน FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจา อาทิ ไทย-สหภาพยุโรป (EU) อาเซียน-แคนาดา 

และ FTA 2 ฉบับใหม่ คือ ไทย-เกาหลีใต้ และไทย-ภูฏาน รวมทั้งผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย สำหรับการเจรจา FTA ไทย-EFTA กรมได้ตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมายจะถือเป็น FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับประเทศในทวีปยุโรป 

ขณะที่การเจรจา FTA ไทย-EU และอาเซียน-แคนาดา กรมฯได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันให้การเจรจามีความคืบหน้าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไทย โดยจะมีการหารือ FTA ทั้งสองฉบับนี้อย่างเข้มข้น เพื่อเร่งหาข้อสรุปร่วมกันให้ได้มากที่สุด 

ด้านการเจรจา FTA กับกลุ่มประเทศEU และ EFTA ถือว่ามีความท้าทายมาก เนื่องจากมีประเด็นใหม่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน แต่หากสามารถสรุปผลการเจรจาได้จะเป็นโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่จะขยายการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศยุโรปได้มากขึ้น 

นอกจากนี้ ไทยยังผลักดันการเจรจายกระดับความตกลงที่มีอยู่เดิม เพื่อให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับรูปแบบการค้าในปัจจุบัน อาทิ 

  • ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA)
  • อาเซียน-จีน 
  • อาเซียน-อินเดีย 
  • ไทย-เปรู 
  • อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

ปัจจุบันไทยมี FTA 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ สำหรับ FTA ฉบับที่ 15 ของไทย คือ FTA ไทย-ศรีลังกา ได้ลงนามความตกลงไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 และคาดว่าจะมีผลใช้บังคับภายในปีนี้

นางสาวโชติมา กล่าวเพิ่มว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้กรมยังมีแผนใช้เวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) กับประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ มาเลเซีย บังกลาเทศ และจีน เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า และกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งไทยยังมีแผนจะหารือกับสหราชอาณาจักร (UK) และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) เพื่อจัดทำความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำ FTA ร่วมกันในอนาคต

สำหรับในช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค. 2567) การค้าของไทยกับ 18 ประเทศคู่ค้า FTA มีมูลค่า 145.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.1  โดยส่งออกไปประเทศคู่ค้า FTA มูลค่า 70.9 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 2.4 

และนำเข้าจากประเทศคู่ค้า FTA มูลค่า 74.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ2.0 สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ 

  • รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
  • อัญมณีและเครื่องประดับ 
  • น้ำมันสำเร็จรูป 
  • เม็ดพลาสติก 
  • เครื่องคอมพิวเตอร์ 
  • อุปกรณ์และส่วนประกอบ 

ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญของไทย อาทิ 

  • เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
  • เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ  
  • เคมีภัณฑ์ 
  • เหล็ก 
  • เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 
  • และแผงวงจรไฟฟ้า
 

แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.