ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ เวียดนาม เกาหลีใต้ โคลอมเบีย สหภาพยุโรป และมาเลเซีย ได้กำหนดภาษีการตอบโต้การทุ่มตลาด (antidumping duties) ต่อผลิตภัณฑ์เหล็กในบางรายการของจีน
ภาษีการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล่านี้ มีผลกระทบต่อการนำเข้าเหล็กจากจีนมายังประเทศดังกล่าวประมาณ 5 ล้านตันต่อปี ข้อมูลจากแหล่งข่าวในตลาดและข้อมูลจาก Global Trade Analytics Suite ของ S&P Global Market Intelligence
นอกจากนี้ ยังมีการไต่สวนเคสทางการค้าอีก 20 เคส จาก 15 ประเทศและภูมิภาคที่ต่อต้านเหล็กของจีน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากทุกเคสนำไปสู่การกำหนดภาษีนำเข้า จะทำให้การส่งออกเหล็กของจีนกว่า 9.5 ล้านตันต่อปี อาจได้รับผลกระทบ ตามข้อมูลของ GTAS
แหล่งข่าวการค้าบางรายคาดว่า การส่งออกเหล็กของจีนจะเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีประเทศต่างๆ ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กของจีนมากขึ้น
“แม้ว่าความต้องการเหล็กกล้าภายในประเทศของจีนไม่น่าจะดีขึ้นในปี 2025 แต่การส่งออกเหล็กกล้าของจีนมีแนวโน้มลดลงอย่างแน่นอนในปีนี้ หลังจากที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 หากรัฐบาลสามารถออกคำสั่งให้ลดปริมาณการผลิตเหล็กดิบของจีนลง 50 ล้านตัน ในปี 2025 ได้จริง จากระดับ 1.005 พันล้านตัน ในปี 2024 “ราคาเหล็กของจีนอาจได้รับแรงหนุนบ้าง” แหล่งข่าวจากโรงงานกล่าว
เขากล่าวว่า หากไม่สามารถบังคับใช้การลดการผลิตตามคำสั่งของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดได้ ราคาเหล็กของจีนก็อาจยังมีความเสี่ยงที่จะตกต่ำอยู่
ปริมาณการส่งออกเหล็กสำเร็จรูป (finished steel) สุทธิของจีน ในช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือ 1.141 ล้านตัน อยู่ที่ 15.922 ล้านตัน