ทรัมป์ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มีผลบังคับใช้ 2 เม.ย.

27 มีนาคม 2568
ทรัมป์ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มีผลบังคับใช้ 2 เม.ย.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพุธ (26 มี.ค.) เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.

“สิ่งที่เรากำลังจะทำคือการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% สำหรับรถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ” ปธน.ทรัมป์ประกาศที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว “ก่อนหน้านี้เราเริ่มต้นด้วยการเรียกเก็บภาษี 2.5% ซึ่งภาษีจะถูกปรับขึ้นเป็น 25%”

“เรากำลังลงนาม (คำสั่งฝ่ายบริหาร) ในวันนี้ คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. เราจะเริ่มดำเนินการเก็บภาษีในวันที่ 3 เม.ย.” ปธน.ทรัมป์กล่าว

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.5% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศและดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมเข้ามาในสหรัฐอเมริกา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เชื่อว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะทำให้บริษัทรถยนต์ย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งจะสร้างรายได้ใหม่ให้กับรัฐบาล และช่วยลดหนี้สาธารณะของประเทศ

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะส่งผลให้ราคารถยนต์ปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่กำลังเผชิญกับราคาสินค้าที่สูงอยู่แล้ว

การประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ของปธน.ทรัมป์เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในวันที่ 2 เม.ย. โดยมาตรการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่สินค้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เรียกวันดังกล่าวว่าเป็น “วันแห่งการปลดปล่อย” โดยเขาย้ำว่า สหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบโดยประเทศพันธมิตรและคู่แข่งมาเป็นเวลาหลายปี


แหล่งที่มา : อินโฟเควสท์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.