บีโอไอเสริมแกร่งชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ส่งเสริมต่างชาติร่วมทุน ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม

08 สิงหาคม 2567
บีโอไอเสริมแกร่งชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ส่งเสริมต่างชาติร่วมทุน ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม

บีโอไอ ไฟเขียวมาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและต่างชาติในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มุ่งยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม คว้าโอกาสการก้าวสู่ Supply Chain ระดับโลก พร้อมอนุมัติมาตรการส่งเสริมกิจการขนส่งทางอากาศ รองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และเคาะส่งเสริมลงทุนกิจการดาต้า เซ็นเตอร์ จากฮ่องกง มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบ “มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์” เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย มีโอกาสในการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถยกระดับเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและตอบโจทย์ยานยนต์สมัยใหม่ได้

มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จะครอบคลุมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แบบสันดาปภายในและผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ

กรณีที่ 1 โครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยเป็นการจัดตั้งนิติบุคคลใหม่หลังวันที่ออกประกาศ ต้องเป็นการร่วมทุนระหว่างผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยและต่างชาติ โดยมีนิติบุคคลไทยถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน

กรณีที่ 2 โครงการที่ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิมในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเดิมเป็นหุ้นต่างชาติทั้งสิ้น และประสงค์จะร่วมทุนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นที่เป็นนิติบุคคลไทยตามเงื่อนไขของมาตรการนี้ ต้องจัดตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี นับจนถึงวันยื่นคำขอ และต้องมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียน โดยทั้งสองกรณี จะต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2568 สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ คือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ปกติอีก 2 ปี

“ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี กลุ่มผู้ประกอบการที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยกว่า 1,300 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SMEs ที่ผลิตชิ้นส่วนในระดับ Tier 2-3 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยปรับตัวและพัฒนาให้ก้าวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว คือการเปิดโอกาสให้มีการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากร การขยายเครือข่ายทางธุรกิจ การเพิ่มโอกาสในการใช้วัตถุดิบในประเทศ และจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และก้าวเข้าสู่ Supply Chain ในระดับโลกได้” นายนฤตม์ กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบ “มาตรการส่งเสริมกิจการขนส่งทางอากาศ” ตามข้อเสนอของสมาคมสายการบินประเทศไทย เพื่อแก้ปัญหาภาวะการขาดแคลนเครื่องบิน ในขณะที่มีความต้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้น โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการสายการบิน สามารถนำเครื่องบินที่เคยนำเข้ามาใช้แล้วในประเทศ และต่อมามีการส่งออกไปต่างประเทศ กลับมาใช้ใหม่ในโครงการได้ โดยให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2568 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระต้นทุนของผู้ประกอบการสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในช่วงที่ผ่านมา และสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้สามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นได้

สำหรับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ที่ประชุมได้อนุมัติส่งเสริมกิจการ Data Center ของบริษัทในกลุ่ม Oneasia Network Limited จากฮ่องกง เงินลงทุน 2,543 ล้านบาท ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมของบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) จังหวัดปทุมธานี โครงการนี้จะให้บริการ Data Center ระดับ Hyperscale - Tier 3 ที่ได้ ISO/IEC 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูล รองรับกำลังการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (IT Load) ประมาณ 25 เมกะวัตต์ (MW) โดยบริษัท Oneasia เป็นผู้ให้บริการระดับโลก และมี Data Center ที่เปิดให้บริการแล้วในฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

 


แหล่งที่มา : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.