วิกฤตเหล็กจีน ผู้ผลิตจำนวนมากขาดทุน กำลังจะล้มละลาย

23 กันยายน 2567
วิกฤตเหล็กจีน ผู้ผลิตจำนวนมากขาดทุน กำลังจะล้มละลาย
บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ เปิดเผยข้อมูลว่า บริษัทผู้ผลิตเหล็กเกือบ 3 ใน 4 ของจีนขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และหลายรายมีแนวโน้มจะล้มละลาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดคลื่นการควบรวมกิจการ ที่จะทำให้ระดับการกระจุกตัวของอุตสาหกรรมเหล็กจีนสูงขึ้น 

วันที่ 23 กันยายน 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานตามข้อมูลจากหน่วยธุรกิจวิจัย บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ในเครือบลูมเบิร์ก แอล.พี. (Bloomberg L.P.) ว่าวิกฤตเหล็กของจีนกำลังก่อให้เกิดคลื่นการล้มละลายของโรงถลุงเหล็กและผู้ผลิตเหล็กในจีน

มิเชลล์ เหลียง (Michelle Leung) นักวิเคราะห์อาวุโสของบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ เขียนในบทวิเคราะห์ว่า ผู้ผลิตเหล็กเกือบ 3 ใน 4 หรือเกือบ 75% ของจีนประสบภาวะขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 และหลายรายมีแนวโน้มที่จะล้มละลาย

บทวิเคราะห์ดังกล่าวระบุชื่อ 3 บริษัท ได้แก่ ซินเจียง ปาอี้ ไอออน แอนด์ สตีล (Xinjiang Ba Yi Iron & Steel Co.), กานซู จิ่ว สตีล กรุ๊ป (Gansu Jiu Steel Group) และ อันหยาง ไอออน แอนด์ สตีล กรุ๊ป (Anyang Iron & Steel Group Co.) เป็นบริษัทที่เผชิญกับความเสี่ยงสูงสุดที่จะล้มละลาย และอาจเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อกิจการ

บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ วิเคราะห์ว่าคลื่นของการควบรวมกิจการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนี้ จะช่วยรัฐบาลจีนในการส่งเสริมการกระจุกตัวหรือความเข้มข้นในอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งรัฐบาลจีนต้องการให้มีความเข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลจีนต้องการให้บริษัทผู้ผลิตเหล็ก 5 อันดับแรกควบคุมตลาด 40% ภายในปี 2025 และให้บริษัท 10 อันดับแรกครองส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 60% 

“เป้าหมายเหล่านี้น่าจะสามารถทำได้ แม้ว่าในแง่นี้จีนจะยังตามหลังเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอยู่มากก็ตาม” เหลียงกล่าว

อุตสาหกรรมเหล็กจีนได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยืดเยื้อมาหลายปี บวกกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ สองปัจจัยลบนี้กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมเหล็กขนาดใหญ่ของจีน เพราะการที่อุปสงค์ในประเทศตกต่ำผลักให้โรงงานเหล็กจีนจำเป็นต้องส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้ทางการค้าจากหลายประเทศ ที่กล่าวหาว่าจีนส่งเหล็กไปทุ่มตลาดในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ไชน่า เป่าอู่ สตีล กรุ๊ป คอร์ป. (China Baowu Steel Group Corp.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของจีนเตือนว่า อุตสาหกรรมเหล็กกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เลวร้ายกว่าในปี 2008 และ 2015

บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ วิเคราะห์อีกว่า ถึงแม้จะโดนมาตรการตอบโต้ และการผลิตโดยรวมก็ลดลง อีกทั้งมีคู่ค้าจำนวนมากขึ้นที่ได้เพิ่มข้อจำกัดต่อเหล็กจีน แต่การส่งออกเหล็กของจีนก็ยังไม่น่าจะลดลงจนกว่าจะถึงสิ้นปี 2026 
แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.