นักลงทุนขานรับภาษีทรัมป์ 19% บีโอไอชูจุดแข็งไทย พร้อมรับมือโลกการค้ายุคใหม่

04 สิงหาคม 2568
นักลงทุนขานรับภาษีทรัมป์ 19% บีโอไอชูจุดแข็งไทย พร้อมรับมือโลกการค้ายุคใหม่
บีโอไอ แจงนักลงทุนไทย-ต่างชาติพร้อมเดินหน้าลงทุน หลังสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีนำเข้าจากไทย ร้อยละ 19 ย้ำไทยยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนที่แข็งแกร่งในภูมิภาค ชูจุดแข็งไทย 5 ด้าน พร้อมรองรับคลื่นการลงทุนภายใต้โลกการค้ายุคใหม่ มุ่งสร้างซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากที่ทีมไทยแลนด์ที่มีทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สามารถเจรจากับสหรัฐอเมริกาจนมีการประกาศอัตราภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากไทยร้อยละ 19 ลดลงจากอัตราก่อนหน้าที่ร้อยละ 36 ถือเป็นข่าวดีที่ส่งผลบวกต่อการลงทุน เพราะเป็นอัตราภาษีที่ทำให้ไทยสามารถแข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวนมากให้ความเชื่อมั่นและพร้อมเดินหน้าลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าไทยสามารถตอบโจทย์การลงทุนท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ และมีศักยภาพในการสร้างซัพพลายเชนสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ที่ผ่านมา ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาระบบนิเวศ ลดอุปสรรค และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการประกอบธุรกิจ ให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายที่บีโอไอเร่งให้การส่งเสริม 5 สาขาหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ดิจิทัลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็ง 5 ด้านสำคัญที่พร้อมรองรับคลื่นการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่

  • โครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ พร้อมรองรับการลงทุน ทั้งนิคมอุตสาหกรรม ระบบโลจิสติกส์ ท่าเรือน้ำลึก สนามบินนานาชาติ ระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียรและมีศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียน โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และการจัดตั้ง Hyperscale Data Center จากนักลงทุนรายใหญ่ระดับโลก เช่น AWS, Google รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมสำหรับนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ทั้งด้านที่พักอาศัย โรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาลมาตรฐานสูง
  • ซัพพลายเชนที่ครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่วนใหญ่รวมตัวเป็นคลัสเตอร์อยู่บริเวณภาคตะวันออก ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
  • บุคลากรทักษะสูง ทั้งวิศวกร ช่างเทคนิค และแรงงานฝีมือ โดยบีโอไอร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) ในการพัฒนาบุคลากรทักษะสูง และหลักสูตรเฉพาะด้าน เช่น เซมิคอนดักเตอร์, AI, IoT, ระบบอัตโนมัติ และโลจิสติกส์ โดยมีเป้าหมายสร้างแรงงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงจำนวน 280,000 คน ภายใน 5 ปี (2567 - 2571) ในสาขาที่ไม่สามารถพัฒนาได้ทัน บีโอไอมีเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติสาขาดังกล่าวสามารถเข้ามาทำงานได้ ทั้งการอนุญาตภายใต้กฎหมายส่งเสริมการลงทุน, Smart VISA, LTR VISA และศูนย์ One Stop Service ที่บีโอไอทำงานร่วมกับ ตม. และกรมการจัดหางาน
  • มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐและนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ จากบีโอไอและกระทรวงการคลัง การพัฒนากลไกจัดหาพลังงานสะอาด หรือมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายต่างๆ เช่น มาตรการส่งเสริมรถยนต์ EV, เซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่, อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการสนับสนุนการเชื่อมโยงซัพพลายเชนและการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content)
  • โอกาสในการเข้าสู่ตลาดโลก ไทยมีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับตลาดในภูมิภาค โดยอาศัยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ไทยมีความตกลงการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ที่ลงนามแล้ว 17 ฉบับกับ 24 ประเทศ อีกทั้งยังมีอีกหลายฉบับที่อยู่ระหว่างเจรจา เช่น สหภาพยุโรป แคนาดา และเกาหลี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าสู่ตลาดในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้

"อัตราภาษีร้อยละ 19 จากสหรัฐฯ ถือเป็นอัตราที่ทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้ และส่งผลบวกต่อการลงทุน สถานการณ์ที่มีความชัดเจนมากขึ้น จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเดินหน้าลงทุนในประเทศไทย ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดีของประเทศไทย ความพร้อมของซัพพลายเชน บุคลากรที่มีคุณภาพ บวกกับมาตรการสนับสนุนของบีโอไอและหน่วยงานรัฐต่าง ๆ เชื่อมั่นว่าจะทำให้ไทยยังคงเป็นฐานการลงทุนที่โดดเด่นของภูมิภาค และมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนให้กับคนไทยในระยะยาว" นายนฤตม์ กล่าว

 

 


แหล่งที่มา : RYT9

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.