ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยผลวิเคราะห์ดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานในไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ระดับ 141.0 เพิ่มขึ้น 0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนแนวโน้มต้นทุนค่าก่อสร้างบ้านยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากราคาวัสดุก่อสร้างบางหมวด และต้นทุนแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
ในกลุ่มงานออกแบบก่อสร้างและระบบ พบว่าหมวดที่มีการปรับขึ้นเด่นที่สุดคือ “งานระบบไฟฟ้าและสื่อสาร” เพิ่มขึ้นถึง 7.5% จากปีก่อนหน้า แม้ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รองลงมาคือ “งานสถาปัตยกรรม” เพิ่มขึ้น 2.2% ขณะที่ “งานวิศวกรรมโครงสร้าง” และ “งานระบบสุขาภิบาล” ปรับตัวลดลง 1.3% และ 0.2% ตามลำดับ
ด้านราคาวัสดุก่อสร้าง “กระเบื้อง” นำทัพขึ้นราคาแรงที่สุด เพิ่มขึ้นถึง 13.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับดีมานด์ที่ฟื้นตัวจากทั้งโครงการสร้างใหม่และงานรีโนเวต ขณะที่ “อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา” ปรับขึ้น 5.4% และ “วัสดุก่อสร้างอื่นๆ” เพิ่มขึ้น 1.4% ส่วน “ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้” เพิ่มขึ้น 1.1%
ในทางกลับกัน “เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก” กลับกลายเป็นหมวดที่ราคาตกลงแรงที่สุดถึง 9.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย REIC ระบุว่าเป็นผลจากภาวะอุปทานล้นตลาดจากประเทศจีนซึ่งยังเผชิญวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดโลกและไทยถูกกดดันต่อเนื่อง ส่วน “ผลิตภัณฑ์คอนกรีต” ลดลงเล็กน้อย 0.3%
หมวดแรงงานยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของต้นทุนก่อสร้าง โดยมีการปรับเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบปีต่อปี สืบเนื่องจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ จาก 363 บาท เป็น 372 บาทต่อวัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2568
REIC ยังวิเคราะห์ว่า การปรับขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างและแรงงานในไตรมาสนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะในภาคเหนือ ซึ่งเป็นตัวเร่งให้ความต้องการวัสดุก่อสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม REIC ได้ระบุว่า การจัดทำดัชนีดังกล่าว อ้างอิงจากต้นทุนการก่อสร้างบ้านมาตรฐาน “ครอบครัวไทยเป็นสุข 5” แบบบ้าน 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 169 ตารางเมตร ซึ่งเป็นแบบมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยคำนวณรวมค่าดำเนินการและภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่รวมราคาที่ดินหรือค่าถมและปรับหน้าดิน โดยใช้ราคาปี 2553 เป็นปีฐาน และอัพเดตทุกไตรมาสจากข้อมูลตลาดจริงในเขตกรุงเทพฯ
