หนี้ครัวเรือนสูง-กำลังซื้อหดฉุดดัชนี PMI ปี 68 ร่วงเหลือ 0-0.5%

29 สิงหาคม 2568
หนี้ครัวเรือนสูง-กำลังซื้อหดฉุดดัชนี PMI ปี 68 ร่วงเหลือ 0-0.5%

สศอ. ชี้ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อหดฉุดดัชนี PMI ปี 68 ร่วงเหลือ 0-0.5% หลังส่งผลกระทบยอดขายสินค้าอุตสาหกรรม

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ค. 68 ว่า อยู่ที่ระดับ 93.34 หดตัว 3.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 57.37% ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตรถยนต์กลับมาหดตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1,800 ซีซี และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหญ่หยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อย้ายโรงงาน

รวมถึงผู้ผลิตบางรายปรับลดปริมาณการผลิตรถยนต์สันดาปลงตามคำสั่งซื้อ และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 1 ราย หยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามแผนประจำปี อีกทั้งผู้ประกอบการมีการนำสินค้าในสต็อก (Inventory) ออกมาขาย เนื่องจากดูท่าทีผลของการเจรจาภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่ออุปโภคบริโภค สินเชื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิตยังคงปรับเพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าภาคอุตสาหกรรม รวมถึงความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง อีกทั้ง นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศชะลอตัว ส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารแช่แข็ง ไส้กรอก กระเป๋าเดินทาง รองเท้ากีฬา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น

สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนสิงหาคม 2568 ส่งสัญญาณเฝ้าระวังโดยปัจจัยในประเทศส่งสัญญาณชะลอตัว จากผลของกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งความเชื่อมั่น ด้านคำสั่งซื้อที่ลดลงจากความกังวลต่อผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ ด้านปัจจัยต่างประเทศภาพรวมส่งสัญญาณเฝ้าระวังเช่นกัน จากการนำเข้าในบางประเทศหดตัวลง และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขั้นสุดท้ายหดตัวลงตามอุปสงค์ที่ลดลง

สำหรับดัชนี MPI ไตรมาส 2 ปี 2568 ขยายตัว 0.53% ด้าน GDP อุตสาหกรรมขยายตัว 1.70% และ 7 เดือนแรก ปี 68 ดัชนี MPI หดตัว 0.70% โดย สศอ. ได้ประมาณการ ดัชนี MPI ปี 2568 ขยาย 0 - 0.5% ด้าน GDP อุตสาหกรรม ขยายตัว 0.5 - 1.5% จากประมาณการเดิมที่คาดว่าดัชนี MPI ปี 2568 ขยายตัว 0 – 1% และ GDP อุตสาหกรรม ขยายตัว 0.5 - 1.5%

แต่ในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปี 2568 ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การค้าระหว่างประเทศของไทยกับคู่ค้าหลักยังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง การผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และทิศทางบวกจากผลการเจรจาภาษี Reciprocal Tariff กับสหรัฐฯ โดยไทยได้อัตราภาษีต่ำกว่า หรืออยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ทำให้ไทยยังคงสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนกรกฎาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วย

มอเตอร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า และอุปกรณ์ควบคุม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 54.69% จากหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากการเร่งผลิตและส่งมอบตามสัญญาจ้างทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.43% จาก PCBA เป็นหลัก จากการเร่งผลิตและส่งออกไปสหรัฐอเมริกาก่อนนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ ประกอบกับการเติบโตของตลาด AI และมีการลงทุนในโครงการ Data Center ส่งผลให้มีการใช้ PCBA เพิ่มขึ้น

เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.72% จากท่อเหล็กกล้าที่เร่งผลิตและส่งมอบตามคำสั่งซื้อที่ได้รับจากสหรัฐอเมริกา และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีที่ผลิตเพื่อส่งมอบให้ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนกรกฎาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.43% จากน้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันเบนซิน 91 เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่

ยานยนต์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.66% จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดใหญ่ รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1800 ซีซี และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก จากการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อย้ายโรงงานของผู้ผลิตบางราย ประกอบกับมีผู้ผลิตบางรายปรับลดปริมาณการผลิตลง ตามคำสั่งซื้อที่ลดลงมาก

ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.51% จากยางแท่งตามคำสั่งซื้อของลูกค้าจีนลดลง และถุงมือยางทางการแพทย์ซึ่งมีผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราว


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.