ก่อสร้าง-สร้างบ้านเตรียมใจ ราคาวัสดุก่อสร้างอาจสูงขึ้นอีก

03 สิงหาคม 2566
ก่อสร้าง-สร้างบ้านเตรียมใจ ราคาวัสดุก่อสร้างอาจสูงขึ้นอีก

          สนค. ชี้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างไตรมาสที่ 3 มีโอกาสขยายตัวตามการฟื้นตัวของอุปสงค์และการลงทุนในประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะสูงขึ้น2.7 – 3.7% ชี้คนซื้อบ้านเตรียมใจอาจซื้อบ้านสูงขึ้นอีก

          นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนจากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2566 ที่ลดลง0.9%  ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2566 สูงขึ้นเพียง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

          ส่วนดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ไตรมาสที่ 3 และช่วงที่เหลือของปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวตามการฟื้นตัวของอุปสงค์และการลงทุนในภาคการก่อสร้างในประเทศ ประกอบกับต้นทุนยังอยู่ระดับสูง อุปทานพลังงานและเหล็กโลกมีแนวโน้มตึงตัว

          สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ครึ่งปีแรกของปี 2566 ชะลอตัวอย่างชัดเจน โดยสูงขึ้นเพียง0.4% จาก4.5% ในครึ่งหลังของปี 2565 เนื่องจากการลดลงของราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งมีสัดส่วนน้ำหนักค่อนข้างมากถึง 29.66% หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของน้ำหนักในตะกร้าดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างซึ่งปรับลดลงตามราคาพลังงานและวัตถุดิบโลก

          ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันดิบ ยางมะตอย และแร่เหล็ก ตามความต้องการก่อสร้างในประเทศต่าง ๆ ที่ปีนี้คาดว่าจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 2565 และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่ยุติ นอกจากนี้ สินค้าในหมวดซีเมนต์ และหมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ซึ่งมีสัดส่วนน้ำหนักต่อดัชนีรวมกันใกล้เคียงกับสินค้าเหล็ก คือ27.90 %ชะลอตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 4 เดือน ดังนั้น ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างของไทย ครึ่งปีแรกของปี 2566 จึงชะลอตัวอย่างชัดเจน

          สำหรับแนวโน้มภาคการก่อสร้างโลก ปี 2566 ศูนย์วิจัย GlobalData ได้คาดการณ์ ณ พฤษภาคม 2566 พบว่า ภาคการก่อสร้างโลก ปี 2566 มีแนวโน้มชะลอตัว โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.8 % จาก2.1 %ในปี 2565 โดยภาคการก่อสร้างในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จะติดลบ 1.5% เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อระดับราคาและกดดันบรรยากาศการค้าการลงทุน ได้แก่ ยุโรป รัสเซีย อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ขณะที่ภาคการก่อสร้างในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จะขยายตัว2.4% ชะลอลงจากปี 2565 ที่ขยายตัว4.6 เนื่องจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังซบเซา

          อย่างไรก็ตาม มาตรการส่งเสริมและโครงการก่อสร้างของภาครัฐในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมาย Inflation Reduction Act ที่ส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงาน รวมทั้งมีมาตรการให้เงินอุดหนุนเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เยอรมนี อินเดีย มีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่งทางถนนและรถไฟ ญี่ปุ่น มีการก่อสร้างคลังสินค้าและสถานที่ให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ และโครงการวิศวกรรมโยธา และจีน มีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม พลังงานหมุนเวียน และนิคมอุตสาหกรรม และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำที่เมืองฉงชิ่ง ทั้งหมดนี้มีส่วนขับเคลื่อนให้ภาคการก่อสร้างของประเทศมีโอกาสเติบโต ประกอบกับอุปทานพลังงานและเหล็กที่มีแนวโน้มตึงตัว ซึ่งอาจทำให้ราคาวัตถุดิบ และราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้

          ส่วนภาคการก่อสร้างของไทยยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ภาคการก่อสร้างของไทยในไตรมาสแรกของปี 2566 ขยายตัว3.9 % เร่งขึ้นจาก2.6%ในไตรมาสก่อนหน้า และปี 2566 คาดว่าภาคการก่อสร้างของไทยจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะสูงขึ้นระหว่าง 2.7 – 3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐ และเอกชนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และเมื่อพิจารณาประกอบกับเครื่องชี้วัดภาคการก่อสร้างอื่น ๆ ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ทั้งด้านอุปทาน อาทิ การออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ และด้านอุปสงค์ อาทิ การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ และการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดของชาวต่างชาติทั่วประเทศ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยังอยู่ในช่วงความเชื่อมั่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ - ปริมณฑลที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคการก่อสร้างของไทยยังคงเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าปี 2565 อาทิ ค่าขนส่ง ค่าแรง และค่ากระแสไฟฟ้า

          “ด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้น สนค. จึงคาดว่าภาคการก่อสร้างของไทยมีโอกาสที่จะขยายตัว และจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้าง ไตรมาสที่ 3 และช่วงที่เหลือของปี 2566 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยท้าทายที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของภาคการก่อสร้างและกดดันให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัวน้อยกว่าที่คาดหรืออาจปรับลดลงได้ อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กดดันความต้องการพลังงานและวัสดุก่อสร้าง ส่งผลให้ราคาพลังงาน วัตถุดิบ และราคาจำหน่ายวัสดุก่อสร้างลดต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ การปล่อยสินเชื่อของธนาคารมีความเข้มงวดขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น จะส่งผลให้กำลังซื้อและการลงทุนของภาคประชาชนและธุรกิจลดลง ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป”

 


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.