ศาลสหรัฐฯ สั่งระงับนโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์ ชี้ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ

29 พฤษภาคม 2568
ศาลสหรัฐฯ สั่งระงับนโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์ ชี้ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ

ศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ สั่งระงับนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ วินิจฉัยล้ำเกินอำนาจรัฐธรรมนูญ รัฐบาลยื่นอุทธรณ์ทันที

ศาลการค้าระหว่างประเทศในนิวยอร์กตัดสินว่า ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีนำเข้าครอบคลุมทุกประเทศ เนื่องจากขัดต่อบทบาทของรัฐสภาในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ

รอยเตอร์รายงานว่า ศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกคำสั่งระงับการบังคับใช้นโยบายภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ของของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพุธที่ 28 พฤษภาคม โดยวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

คณะผู้พิพากษา 3 นายจากศาลการค้าระหว่างประเทศในแมนฮัตตันระบุชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มอบอำนาจเฉพาะแก่รัฐสภา (Congress) ในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดีในการปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐฯ

"การใช้อำนาจในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่อนุญาต ไม่ใช่เพราะมันไร้สติหรือไม่มีประสิทธิภาพ แต่เพราะกฎหมายกลางไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น" คณะผู้พิพากษาระบุในคำตัดสิน

เมื่อต้นเดือนเมษายน ทรัมป์ได้ประกาศใช้ภาษีนำเข้า 10% ครอบคลุมสินค้าทุกชนิด พร้อมทั้งกำหนดอัตราสูงกว่าสำหรับประเทศที่สหรัฐฯ มีการขาดดุลการค้าสูงสุด โดยเฉพาะจีน โดยอ้างว่าการขาดดุลการค้าเป็นเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม ภาษีเฉพาะประเทศส่วนใหญ่ถูกระงับเมื่อสัปดาห์ต่อมา และรัฐบาลทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมว่า กำลังลดภาษีที่สูงที่สุดกับจีนชั่วคราว ขณะเจรจาข้อตกลงการค้าระยะยาว ทั้งสองประเทศตกลงลดภาษีซึ่งกันและกันเป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน

แดน เรย์ฟิลด์ อัยการเจเนอรัลของรัฐออริกอนซึ่งเป็นผู้นำคดีในนามของรัฐต่างๆ กล่าวว่า "คำตัดสินนี้ยืนยันว่ากฎหมายของเรามีความสำคัญ และการตัดสินใจทางการค้าไม่สามารถทำตามอำเภอใจของประธานาธิบดีได้"+

รัฐบาลทรัมป์ยื่นอุทธรณ์ทันที

ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้ยื่นหนังสือแจ้งการอุทธรณ์ภายในไม่กี่นาทีหลังจากคำตัดสินออกมา สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ยอมรับในผลการวินิจฉัยครั้งนี้

สตีเฟน มิลเลอร์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและที่ปรึกษานโยบายหลักของทรัมป์ ได้วิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินนี้ผ่านโซเชียลมีเดียว่า "การรัฐประหารทางศาลเริ่มขาดการควบคุมแล้ว"

ปัจจุบันยังมีการท้าทายทางกฎหมายต่อนโยบายภาษีนี้อีกอย่างน้อย 5 คดี กระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าคดีความเหล่านี้ควรถูกยกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายจากภาษีที่ยังไม่ได้จ่าย และเฉพาะรัฐสภาเท่านั้นที่สามารถท้าทายการประกาศเหตุฉุกเฉินแห่งชาติโดยประธานาธิบดีภายใต้ IEEPA

คำตัดสินครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบสำคัญต่อขอบเขตอำนาจของฝ่ายบริหารในการกำหนดนโยบายการค้า และอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะต่อไป

 


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.